เหงือกเป็นหนอง (Periodontal abscess) คือ ภาวะที่มีการอักเสบติดเชื้อของเนื้อเยื่อเหงือกและกระดูกรองรับรากฟัน โดยมีสาเหตุจากการสะสมของคราบจุลินทรีย์และเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก การสร้างถุงหนองลักษณะเป็นตุ่มขึ้นมาบนเหงือก และเกิดอาการปวด บวม แดง ร้อน มีหนองไหลออกมาจากเหงือก สามารถรับรสได้ว่ามีหนองในช่องปากและอาจมีกลิ่นปากได้
สาเหตุของเหงือกเป็นหนอง
สาเหตุหลักของเหงือกเป็นหนอง ได้แก่
- เชื้อแบคทีเรียในคราบจุลินทรีย์ (Plaque) และหินปูน (Tartar) ที่สะสมบริเวณขอบเหงือกและซอกฟัน ทำให้เกิดการอักเสบของเหงือก (Gingivitis) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดหนอง เมื่อเกิดการอักเสบ ร่างกายจะสร้างเม็ดเลือดขาวมาต่อสู้กับเชื้อโรคและสร้างหนองขึ้นมาเพื่อจำกัดการแพร่กระจายของเชื้อ ถ้าไม่ได้รับการรักษา หนองจะค่อยๆ สะสมและลุกลามไปสู่กระดูกรองรับรากฟัน
- ภูมิต้านทานในช่องปากต่ำ ทำให้เชื้อโรคเข้าทำลายเนื้อเยื่อปริทันต์ได้ง่าย สาเหตุเกิดได้จากความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือโรคเรื้อรังบางชนิดที่ทำให้ภูมิต้านทานต่ำ เช่น โรคเบาหวาน เมื่อภูมิต้านทานต่ำ ร่างกายไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เชื้อโรคเพิ่มจำนวนและแพร่กระจายได้รวดเร็ว นำไปสู่การอักเสบติดเชื้อและการสร้างหนองในที่สุด
- การรักษาทางทันตกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น การทำฟันที่ปิดหรือกดเหงือกจนเกิดการอักเสบ การทำสะพานฟันที่ออกแบบไม่ดีทำความสะอาดยาก การจัดฟันที่ไม่ถูกต้องจนเกิดแผลที่เหงือก สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเหงือกอย่างต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง และเป็นช่องทางให้แบคทีเรียเข้าสู่เนื้อเยื่อได้ง่าย ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อและการสร้างหนองตามมา
- การบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุที่บริเวณเหงือกและฟัน ทำให้เกิดแผลเปิดทำให้แบคทีเรียเข้าไปก่อการอักเสบติดเชื้อได้ เมื่อเกิดแผล แบคทีเรียที่มีอยู่ในช่องปากจะเข้าสู่แผลและเริ่มเพิ่มจำนวน หากภูมิต้านทานไม่สามารถจัดการได้ทัน ก็จะเกิดการสร้างหนองตามมา
- การสูบบุหรี่และใช้ยาสูบ ทำให้ความสามารถในการต่อสู้กับเชื้อโรคของร่างกายลดลง จึงติดเชื้อและเกิดหนองได้ง่าย สารเคมีในบุหรี่และยาสูบจะไปกดการทำงานของเม็ดเลือดขาว ทำให้ประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อโรคลดลง นอกจากนี้ยังทำลายเนื้อเยื่อเหงือก ทำให้เชื้อโรคสามารถแทรกซึมเข้าสู่เนื้อเยื่อได้ง่ายขึ้น เมื่อเกิดการอักเสบติดเชื้อบริเวณเหงือก จึงมีโอกาสเกิดหนองตามมาได้สูง
อาการของเหงือกเป็นหนอง
หากพบว่ามีอาการเหงือกเป็นหนองให้รีบสังเกตตัวเอง และเข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อไม่ให้ลุกลามเป็นปัญหาที่มากขึ้น อาการของเหงือกเป็นหนองมีดังต่อไปนี้
- เหงือกบวม แดง อักเสบ และอ่อนนุ่ม เมื่อกดจะรู้สึกเจ็บ
- ปวดเหงือกบริเวณที่เป็นหนอง อาจปวดตุบๆ หรือปวดแบบต่อเนื่อง
- ฟันโยก เคี้ยวอาหารลำบาก เพราะเหงือกและกระดูกรองรับรากฟันอักเสบ
- เกิดการคั่งของหนองใต้เหงือก เมื่อกดอาจมีหนองไหลออกมา
- มีกลิ่นปากเหม็น ส่งผลต่อความมั่นใจในการสื่อสาร
- มีไข้ อ่อนเพลีย เนื่องจากร่างกายต่อสู้กับการติดเชื้อ
วิธีรักษาและป้องกันเหงือกเป็นหนอง
การรักษาเหงือกเป็นหนองนั้น จำเป็นต้องอาศัยการดูแลจากทันตแพทย์ เพื่อกำจัดการติดเชื้อและป้องกันไม่ให้อาการลุกลาม โดยวิธีการรักษามีดังนี้
- การระบายหนอง: ทันตแพทย์จะทำการเจาะเหงือกเพื่อระบายหนองออกจากบริเวณเหงือกที่ติดเชื้อ
- ให้ยาปฏิชีวนะ: เพื่อต่อสู้กับเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อ
- ขูดหินปูน: เพื่อกำจัดคราบแบคทีเรียและหินปูนที่สะสมใต้ขอบเหงือก
- ถอนฟัน: ในกรณีที่การติดเชื้อรุนแรงและไม่สามารถรักษาฟันซี่นั้นได้ อาจจำเป็นต้องถอนฟันเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ
นอกจากการรักษาโดยทันตแพทย์แล้ว การป้องกันเหงือกเป็นหนองก็มีความสำคัญ โดยสามารถทำได้ดังนี้
- แปรงฟันสองครั้งต่อวัน อย่างน้อยครั้งละ 2 นาที และใช้ไหมขัดฟันทุกวัน เพื่อกำจัดคราบแบคทีเรียและเศษอาหาร
- เลือกใช้แปรงสีฟันขนนุ่ม และเปลี่ยนแปรงสีฟันทุก 3-4 เดือน
- หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง ซึ่งเป็นอาหารของแบคทีเรียในช่องปาก
- ไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและทำความสะอาดเหงือกทุก 6 เดือน
- หยุดสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเหงือกอักเสบและเหงือกเป็นหนอง
การรักษาเหงือกเป็นหนองตั้งแต่เนิ่นๆ ร่วมกับการดูแลสุขภาพช่องปากที่ดี จะช่วยป้องกันการลุกลามของการติดเชื้อ ลดความเจ็บปวด และรักษาสุขภาพช่องปากให้แข็งแรง ห่างไกลจากปัญหาเหงือกเป็นหนองในระยะยาว
ภาวะแทรกซ้อนหากไม่ได้รับการรักษา
หากปล่อยให้เหงือกเป็นหนองโดยไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงและส่งผลเสียต่อสุขภาพช่องปากและสุขภาพโดยรวม ดังนี้
- การติดเชื้อลุกลาม: การติดเชื้อจากเหงือกเป็นหนองอาจแพร่กระจายไปยังบริเวณอื่นๆ ในช่องปาก เช่น กระดูกขากรรไกร หรือบริเวณใบหน้า ทำให้เกิดการบวมและการติดเชื้อที่รุนแรงยิ่งขึ้น
- การสูญเสียฟัน: หากการติดเชื้อลุกลามไปยังกระดูกรองรับรากฟัน อาจทำให้ฟันโยกและหลุดร่วงก่อนวัยอันควร
- ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis): ในกรณีที่รุนแรงมาก การติดเชื้อจากเหงือกเป็นหนองอาจแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือด ส่งผลให้เกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
- ภาวะหัวใจอักเสบ (Endocarditis): แบคทีเรียจากการติดเชื้อในช่องปากอาจเดินทางผ่านกระแสเลือดไปยังหัวใจ และก่อให้เกิดการอักเสบของเยื่อบุหัวใจ ซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายและอาจถึงแก่ชีวิต
- ปัญหาสุขภาพโดยรวม: การติดเชื้อเรื้อรังในช่องปากอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวม เช่น เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์
คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับเหงือกเป็นหนอง
เหงือกเป็นหนอง กินยาอะไร
การเลือกใช้ยาในการรักษาเหงือกเป็นหนองนั้น ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำและการดูแลของทันตแพทย์เท่านั้น เนื่องจากทันตแพทย์จะประเมินสาเหตุและความรุนแรงของการติดเชื้อ รวมถึงปัจจัยส่วนบุคคลของผู้ป่วย เพื่อสั่งจ่ายยาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการรักษา
โดยทั่วไป ยาที่ใช้ในการรักษาเหงือกเป็นหนอง ได้แก่
ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics): เพื่อต่อสู้กับเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อ ยาปฏิชีวนะที่นิยมใช้ เช่น Amoxicillin, เพนนิซิลิน (Penicillin), เตตร้าซัยคลิน (Tetracyclines) หรือเลโวฟล็อกซาซิน (Levofloxacin) เป็นต้น
ยาแก้ปวดและลดการอักเสบ (Pain relievers and Anti-inflammatory drugs): เพื่อบรรเทาอาการปวดและลดการอักเสบของเหงือก เช่น Ibuprofen หรือ Acetaminophen
อย่างไรก็ตาม การใช้ยาเหล่านี้โดยไม่ได้รับคำแนะนำจากทันตแพทย์อาจไม่ก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการรักษา และอาจเกิดผลข้างเคียงหรืออันตรายได้ เช่น เชื้อดื้อยา ดังนั้น เมื่อมีอาการของเหงือกเป็นหนอง ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งอาจรวมถึงการสั่งจ่ายยาควบคู่ไปกับการรักษาอื่นๆ เพื่อกำจัดการติดเชื้อและส่งเสริมการหายของเหงือกอย่างมีประสิทธิภาพ
เหงือกเป็นหนอง กี่วันหาย
ระยะเวลาในการหายจากเหงือกเป็นหนองนั้น ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อ การตอบสนองต่อการรักษา และสุขภาพโดยรวมของแต่ละบุคคล โดยทั่วไป หากได้รับการรักษาที่เหมาะสมจากทันตแพทย์ อาการของเหงือกเป็นหนองมักจะดีขึ้นภายใน 7-10 วัน
- ในช่วง 2-3 วันแรกหลังจากเริ่มการรักษา ผู้ป่วยมักจะรู้สึกดีขึ้น อาการปวดและบวมจะเริ่มลดลง
- ภายใน 7-10 วัน หากการติดเชื้อตอบสนองต่อการรักษา อาการของเหงือกเป็นหนองมักจะหายไป เหงือกจะเริ่มกลับมามีสุขภาพดี
- อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีที่การติดเชื้อรุนแรงหรือมีโรคร่วม การหายอาจใช้เวลานานกว่า 10 วัน และอาจต้องได้รับการรักษาเพิ่มเติม เช่น การผ่าตัด
- หลังจากอาการเริ่มดีขึ้น ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด รวมถึงการทานยาปฏิชีวนะให้ครบตามที่กำหนด แม้ว่าอาการจะดูเหมือนหายแล้วก็ตาม เพื่อให้แน่ใจว่าเชื้อจะไม่ดื้อยา
เหงือกเป็นหนอง เจาะออกเองได้หรือไม่
ไม่แนะนำให้เจาะเหงือกเพื่อระบายหนองด้วยตัวเอง เพราะเครื่องมือที่ใช้อาจไม่ปลอดเชื้อ หรือไม่เหมาะสมในการเจาะ อาจทำให้แบคทีเรียจากภายนอกเข้าสู่บาดแผล ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและทำให้อาการรุนแรงมากขึ้น รวมถึงอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อเหงือกหรือเนื้อเยื่ออ่อนโดยรอบทำให้เลือดออกได้
นอกจากนั้นการเจาะหนองด้วยตนเองอาจไม่สามารถระบายหนองออกมาได้หมด หนองที่ค้างอยู่อาจทำให้มีการติดเชื้อต่อไปและอาการไม่ดีขึ้น อีกทั้งการเจาะหนองด้วยตนเองไม่ใช่การรักษาที่เหมาะสมสำหรับเหงือกเป็นหนอง เพราะไม่ได้จัดการกับสาเหตุหลักของการติดเชื้อ เช่น การกำจัดแบคทีเรียด้วยยาปฏิชีวนะหรือการขูดหินปูน
เหงือกเป็นหนองควรได้รับการวินิจฉัยจากทันตแพทย์เพื่อดูว่าอาการรุนแรงหรือไม่ จะได้ให้การรักษาที่เหมาะสม
เหงือกเป็นหนอง อมน้ำเกลือช่วยได้ไหม
การอมน้ำเกลือไม่สามารถแก้ต้นเหตุของเหงือกเป็นหนองได้ ทำได้แค่อาจช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองได้บ้าง แต่ไม่สามารถใช้แทนการรักษาจากทันตแพทย์ได้
วิธีการอมน้ำเกลือเพื่อบรรเทาอาการเหงือกเป็นหนอง:
- ผสมเกลือ 1/2 ช้อนชาในน้ำอุ่น 1 ถ้วย (ประมาณ 240 มล.)
- อมน้ำเกลือในปากประมาณ 30 วินาที ก่อนบ้วนทิ้ง
- ทำซ้ำวันละ 2-3 ครั้ง
มีตุ่มหนองสีขาวขึ้นที่เหงือกแต่ไม่เจ็บ
ตุ่มหนองสีขาวบริเวณเหงือกแต่ไม่เจ็บอาจเป็นได้หลายอย่าง เช่น ฝีที่เหงือก ถุงน้ำที่เหงือก เนื้องอกที่เหงือก อาการเหล่านี้แม้ไม่เจ็บปวดก็ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยโดยเร็ว เพื่อทำการประเมินสาเหตุของตุ่มหนองและให้การรักษาที่เหมาะสม เช่น ระบายหนอง รักษารากฟัน หรือการผ่าตัดเอาถุงน้ำหรือเนื้องอกออก การรักษาที่ทันท่วงทีจะช่วยป้องกันไม่ให้การติดเชื้อหรือความผิดปกติลุกลามได้