การจัดฟันแบบ Self ligating เป็นนวัตกรรมทางทันตกรรมที่พัฒนาขึ้นเพื่อแก้ไขข้อจำกัดของการจัดฟันแบบดั้งเดิม โดยมีจุดเด่นคือไม่จำเป็นต้องใช้ยางรัดเหล็กจัดฟัน ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “Self ligating” หรือแปลเป็นไทยได้ว่า “การยึดตัวเอง”
หัวใจสำคัญของระบบนี้คือการใช้กลไกล็อคในตัวที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เหล็กที่ยึดติดกับฟันจะมีช่องหรือฝาปิดที่สามารถเปิด-ปิดได้ เพื่อยึดลวดจัดฟันเข้ากับเครื่องมือจัดฟัน (bracket) โดยตรง วิธีนี้ช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างลวดกับเครื่องมือจัดฟัน ส่งผลให้ฟันสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระและรวดเร็วกว่าการจัดฟันแบบดั้งเดิม
นอกจากนี้ ระบบ Self ligating ยังใช้แรงกดน้อยกว่า ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกปวดน้อยกว่าในระหว่างจัดฟัน การไม่มียางรัดยังส่งผลดีต่อสุขอนามัยในช่องปาก เพราะลดพื้นที่สะสมของแบคทีเรีย ทำให้ง่ายต่อการทำความสะอาด
ประโยชน์อีกประการหนึ่งคือการลดความถี่ในการเข้าพบทันตแพทย์ เนื่องจากไม่ต้องเปลี่ยนยางรัดทุกเดือนเหมือนการจัดฟันแบบเดิม ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
ข้อดีของการจัดฟันแบบ Self ligating เมื่อเทียบกับการจัดฟันแบบดั้งเดิม
การจัดฟันแบบ Self ligating มีข้อดีหลายอย่างเมื่อเทียบกับการจัดฟันแบบดั้งเดิม ซึ่งทำให้วิธีนี้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน
- ระบบ Self ligating ช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างลวดจัดฟันกับเครื่องมือจัดฟัน ทำให้ฟันเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ระยะเวลาในการจัดฟันสั้นลง ผู้ป่วยสามารถเห็นผลลัพธ์ได้เร็วกว่าการจัดฟันแบบดั้งเดิม
- การไม่ใช้ยางรัดช่วยลดความเจ็บปวดและความไม่สบายระหว่างการรักษา เนื่องจากแรงกดที่ใช้น้อยกว่า ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายตัวมากขึ้นโดยเฉพาะในช่วงแรกของการจัดฟัน
- ด้านสุขอนามัย การจัดฟันแบบ Self ligating มีข้อได้เปรียบอย่างชัดเจน เพราะไม่มียางรัดที่เป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย ทำให้ง่ายต่อการทำความสะอาดและลดความเสี่ยงของการเกิดฟันผุหรือเหงือกอักเสบระหว่างการรักษา
- นอกจากนี้ ผู้ป่วยยังประหยัดเวลาในการเข้ารับการรักษา เนื่องจากไม่ต้องเข้ามาพบทันตแพทย์เพื่อเปลี่ยนยางรัดบ่อยๆ ลดจำนวนครั้งในการเข้าพบทันตแพทย์ เหมาะมากสำหรับคนที่ยุ่งๆ
- ในแง่ของความสวยงาม ระบบ Self ligating มักมีขนาดเล็กกว่าและมองเห็นได้น้อยกว่าเมื่อเทียบกับการจัดฟันแบบดั้งเดิม ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกมั่นใจในการยิ้มหรือพูดคุยมากขึ้น
ขั้นตอนการจัดฟันด้วยเครื่องมือจัดฟันแบบ Self ligating ของ 3M
ขั้นตอนการจัดฟันด้วยระบบ Self ligating ของ 3M มีดังนี้
- เริ่มต้นด้วยการประเมินสภาพช่องปากของผู้ป่วย ทันตแพทย์จะทำการตรวจ วินิจฉัย และวางแผนการรักษา
- ทันตแพทย์เตรียมพื้นผิวฟันให้พร้อมสำหรับการติดตั้งเครื่องมือจัดฟัน โดยทำความสะอาดและขัดให้เรียบ จากนั้นจะติดตั้งเครื่องมือจัดฟันแบบ Self ligating ลงบนฟันแต่ละซี่ด้วยกาวพิเศษ
- ใส่ลวดจัดฟันเข้าไปในช่องของเครื่องมือจัดฟัน โดยไม่ต้องใช้ยางรัดเหมือนการจัดฟันแบบดั้งเดิม ทันตแพทย์จะเลือกขนาดและความแข็งของลวดให้เหมาะสมกับแผนการรักษา จากนั้นจะปิดบานพับและล็อคเพื่อยึดลวดให้อยู่ในตำแหน่ง
- ในระหว่างการรักษา ผู้ป่วยจะต้องเข้าพบทันตแพทย์เป็นระยะเพื่อปรับแต่งและเปลี่ยนลวดจัดฟัน การปรับแต่งแต่ละครั้งจะทำได้รวดเร็วกว่าการจัดฟันแบบดั้งเดิม เนื่องจากไม่ต้องเปลี่ยนยางรัด ทันตแพทย์เพียงแค่เปิดกลไกล็อค ปรับหรือเปลี่ยนลวด แล้วปิดล็อคอีกครั้ง
- ตลอดกระบวนการรักษา ทันตแพทย์จะติดตามความคืบหน้าและปรับแผนการรักษาตามความเหมาะสม ผู้ป่วยจะได้รับคำแนะนำในการดูแลรักษาความสะอาดช่องปากและเครื่องมือจัดฟัน ซึ่งโดยทั่วไปจะทำได้ง่ายกว่าการจัดฟันแบบดั้งเดิม
- เมื่อฟันเคลื่อนที่เข้าสู่ตำแหน่งที่ต้องการแล้ว ทันตแพทย์จะถอดเครื่องมือจัดฟันออก และให้ใส่เครื่องมือคงสภาพฟัน (retainer) เพื่อรักษาผลลัพธ์ของการจัดฟันไว้
ขั้นตอนการจัดฟันด้วยระบบ Self ligating จะคล้ายคลึงกับการจัดฟันแบบดั้งเดิม จะแตกต่างกันตรงที่การใช้เครื่องมือจัดฟันที่แบบ self ligating นั้นไม่ต้องใช้ยางรัด ซึ่งช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพและสะดวกสบายมากขึ้น
ผลลัพธ์และระยะเวลาในการรักษา
ผลลัพธ์และระยะเวลาในการรักษาด้วยระบบจัดฟันแบบ Self ligating มักมีประสิทธิภาพและรวดเร็วกว่าการจัดฟันแบบดั้งเดิม เนื่องจากกลไกการทำงานของระบบที่ลดแรงเสียดทานระหว่างลวดจัดฟันกับเครื่องมือจัดฟัน
ในแง่ของผลลัพธ์ การจัดฟันแบบไม่ใส่ยางด้วยระบบ Self ligating สามารถแก้ไขปัญหาการเรียงตัวของฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นฟันซ้อน ฟันห่าง หรือการสบฟันที่ผิดปกติ ผู้ป่วยมักจะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงได้เร็วกว่าการจัดฟันแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะในช่วงแรกของการรักษา
ระยะเวลาในการรักษาโดยทั่วไปจะสั้นกว่าการจัดฟันแบบดั้งเดิมประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหาและการตอบสนองของแต่ละบุคคล โดยเฉลี่ยแล้ว การจัดฟันด้วยระบบ Self ligating อาจใช้เวลาประมาณ 12-24 เดือน เทียบกับ 18-36 เดือนของการจัดฟันแบบดั้งเดิม เหมาะสำหรับคนที่รีบต้องการจัดฟันให้เสร็จเพราะจะต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ หรือสอบเข้าตำรวจ ทหาร หรือสมัครงาน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาในการรักษาไม่ได้เป็นมาตรฐานตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น:
- ความซับซ้อนของปัญหาฟันในแต่ละเคส
- อายุของผู้ป่วย
- การปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์
- การตอบสนองของร่างกายของแต่ละคน
นอกจากนั้นการรักษาด้วยระบบ Self ligating จะใช้จำนวนครั้งในการเข้าพบทันตแพทย์น้อยกว่า ซึ่งเป็นข้อดีสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลา โดยทั่วไปผู้ป่วยอาจต้องเข้าพบทันตแพทย์ทุก 8-10 สัปดาห์ เทียบกับทุก 4-6 สัปดาห์ในการจัดฟันแบบดั้งเดิม
การดูแลรักษาระหว่างการจัดฟัน
- แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือหลังทุกมื้ออาหาร
- ใช้แปรงสีฟันขนนุ่มและยาสีฟันผสมฟลูออไรด์
- ใช้แปรงซอกฟันหรือ Water flosser เพื่อทำความสะอาดซอกฟัน
- ใช้ไหมขัดฟันชนิดพิเศษสำหรับผู้จัดฟัน
- หลีกเลี่ยงอาหารแข็ง เหนียว หรือเหนียวติดฟัน
- เข้าพบทันตแพทย์ตามนัด เพื่อตรวจสอบสภาพฟันและปรับเครื่องมือจัดฟันตามความจำเป็น
- หากพบว่ามีส่วนของเครื่องมือจัดฟันที่หลุด หรือผิดปกติไปจากเดิม หรือมีอาการเจ็บปวดผิดปกติ รีบแจ้งให้ทันตแพทย์ทราบเพื่อให้ได้รับการดูแลและแก้ไข
ราคาการจัดฟันแบบไม่ใส่ยาง (Self ligating)
ราคาจัดฟันแบบไม่ใส่ยางด้วย Smart Clip จาก 3M ของ MOS Dental Clinic อยู่ที่ 60,000 – 80,000 บาทค่ะ
คำแนะนำก่อนการจัดฟัน
การจัดฟันแบบปกติใช้เวลานานขนาดไหนขึ้นกับปัจจัยอะไรบ้าง หลังจัดฟันเสร็จแล้วทำยังไงต่อ
คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับการจัดฟัน
ทำไมต้องมาหาหมอบ่อยๆ เวลาจัดฟัน
ถ้าไม่อยากมาหาทันตแพทย์บ่อยๆ ไม่มีเวลามา ต้องทำยังไง
ทำไมคนไข้หลายคนจัดฟันไม่จบ
สาเหตุที่คนไข้หลายคนจัดฟันไม่จบ เพราะอะไร แก้ไขยังไงดี
อายุเท่าไหร่ถึงจัดฟันได้
ตอบคำถามยอดฮิตของผู้ปกครอง บุตรหลานควรเริ่มต้นจัดฟันเมื่อไหร่ดี
จัดฟันที่ MOS Dental Clinic ดีอย่างไร
ทำไมควรจัดฟันที่ MOS สิ่งที่ควรทำและพิจารณาก่อนมารับการจัดฟัน