การจัดฟันแฟชั่น คือการติดเครื่องมือคล้ายเครื่องมือจัดฟันลงบนผิวฟันเพื่อความสวยงามตามกระแสนิยม โดยไม่มีวัตถุประสงค์ในการรักษาหรือแก้ไขการเรียงตัวของฟันแต่อย่างใด เครื่องมือเหล่านี้มักมีลักษณะเป็นลวดและแบร็คเก็ตหลายสีเพื่อตกแต่งให้ดูสวยงาม ค่านิยมการจัดฟันแฟชั่นพบได้ในหลายประเทศเพราะคิดว่าเป็นสัญลักษณ์แสดงสถานะและทันสมัย แถมยังมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าจัดฟันจริงเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามการจัดฟันแฟชั่นนั้นเป็นอันตรายมาก และสามารถก่อให้เกิดปัญหากับฟันของผู้ใช้จริงๆ ได้
ทำไมจัดฟันแฟชั่นจึงเป็นที่นิยม
เหตุผลหลักๆ ที่วัยรุ่นชอบการจัดฟันแฟชั่นก็คือ
- อยากสวยและตามกระแส – เรื่องความสวยงามและตามเทรนด์ถือเป็นจุดประสงค์หลักของการจัดฟันแฟชั่นเลย เพราะมันทำให้วัยรุ่นหรือผู้ใช้รู้สึกทันสมัย ดูน่ารัก ดูมีเอกลักษณ์ บางคนก็มองว่าเป็นการแสดงออกทางบุคลิกภาพ และในบางสังคมก็มองว่าการมีเหล็กจัดฟันถือเป็นเครื่องบ่งบอกฐานะ หรือมีความสามารถในการเข้าถึงบริการทางทันตกรรม ดังนั้นวัยรุ่นบางกลุ่มจึงติดเหล็กดัดฟันแฟชั่นเพื่อให้ตัวเองเด่นและเข้ากับเพื่อนๆ ได้
- ค่าใช้จ่ายถูกกว่าและเข้าถึงได้ง่าย – เมื่อเทียบกับการจัดฟันจริงๆ โดยทันตแพทย์ (ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่สูงและใช้เวลานาน 1-3 ปี) การจัดฟันแฟชั่นนั้นราคาถูกกว่ามาก ผู้ขายออนไลน์หรือผู้ให้บริการเถื่อนอาจคิดราคาเพียงไม่กี่พันบาทเท่านั้น การที่เครื่องมือจัดฟันแฟชั่นวางจำหน่ายตามออนไลน์หรือตลาดนัดยิ่งทำให้คนเข้าถึงและซื้อมาใช้ได้ง่ายขึ้นไปอีก ไม่มีขั้นตอนยุ่งยากเหมือนจัดฟันจริงที่ต้องไป X-ray พิมพ์ปาก ปรึกษาทันตแพทย์ใดๆ
- ไม่ต้องเสียเวลาในการรักษาจริง – เพราะจัดฟันแฟชั่นทำเพื่อความสวยงามเท่านั้น ผู้ใช้สามารถถอดเข้าออกได้เอง (ในบางกรณี) ไม่จำเป็นต้องใช้เวลารักษานานเป็นปีๆ แบบจัดฟันจริง การจัดฟันแฟชั่นจึงถูกมองว่าสะดวกรวดเร็ว เห็นผลด้านความสวยงามทันที ไม่ต้องทนกับความปวดหรือความยุ่งยากอื่นๆ ในการไปพบทันตแพทย์หลายๆ ครั้งเพื่อปรับลวดจัดฟัน
ข้อเสียของการจัดฟันแฟชั่น
การติดเครื่องมือจัดฟันแฟชั่นมีข้อเสีย และมีความเสี่ยงดังนี้
- ไม่มีผลต่อการรักษาฟัน – เครื่องมือจัดฟันแฟชั่นไม่มีการออกแรงเคลื่อนฟันอย่างถูกต้องเหมือนเครื่องมือจัดฟันจริง จึงไม่ช่วยให้ฟันเรียงตัวสวยขึ้น ไม่ได้ช่วยแก้ไขการสบฟัน ฟันเก ฟันซ้อน หรืออื่นๆ ตรงกันข้ามการติดลวดและแบร็คเก็ตปลอมเหล่านี้จะทำให้การสบฟันและการบดเคี้ยวอาหารผิดปกติไปด้วยซ้ำ คนที่ใช้การจัดฟันแฟชั่นจะเสียทั้งเงินและสุขภาพ
- เสี่ยงทำให้ฟันล้ม ฟันเรียงตัวผิด – แม้ว่าเครื่องมือจัดฟันแฟชั่นจะไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเคลื่อนฟัน แต่การติดลวดและแบร็คเก็ตลงบนฟันก็จะสร้างแรงกระทำต่อฟันจริงๆ และมีโอกาสทำให้ฟันเคลื่อนจริงๆ การสร้างแรงกดที่ไม่เหมาะสมกับฟันบางซี่จะทำให้ฟันเคลื่อนโดยไม่มีการควบคุม เกิดอาการฟันล้มได้ (รายละเอียดจะกล่าวในหัวข้อถัดไป) นอกจากนี้ฟันบางซี่ก็อาจโยกคลอน ส่งผลเสียต่อรากฟันและกระดูกรอบๆ ฟันจนทำให้สูญเสียฟันจริงในที่สุด
- อันตรายกับสุขภาพในช่องปาก – ผู้ใช้มักไม่ได้รับคำแนะนำใดๆ จากทันตแพทย์เพราะซื้อมาใช้เอง ทำให้เสี่ยงต่อฟันผุจากคราบอาหารที่ติดตามลวดและแบร็คเก็ตปลอม หรือเกิดเหงือกอักเสบจากการระคายเคืองของอุปกรณ์ที่ไม่ได้มีมาตรฐาน ยิ่งไปกว่านั้น เครื่องมือที่ไม่ได้มาตรฐานเหล่านี้อาจทำให้เกิดบาดแผลเล็กๆ ในช่องปาก นำไปสู่แผลติดเชื้อหรือเป็นช่องทางให้เชื้อโรคเข้าสู่เหงือกได้ง่าย
- วัสดุไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีความปลอดภัย – เครื่องมือจัดฟันแฟชั่นมักผลิตจากวัสดุราคาถูกที่ไม่ใช่วัสดุเกรดทางการแพทย์ ลวดและแบร็กเก็ตอาจทำจากโลหะคุณภาพต่ำซึ่งมีสารปนเปื้อนอย่างโลหะหนัก เช่น แคดเมียม หรือตะกั่ว ที่เป็นพิษต่อร่างกาย กาวที่ใช้ติดแบร็คเก็ตเข้ากับฟันก็ไม่ใช่กาวทางทันตกรรมมาตรฐาน ทำให้เครื่องมือมีโอกาสหลุดออกมาได้ง่าย เสี่ยงต่อการสำลักหรือกลืนชิ้นส่วนลงคอ
การจัดฟันแฟชั่นปลอดภัยไหม
การจัดฟันแฟชั่นไม่ปลอดภัยอย่างมาก และเสี่ยงต่อสุขภาพในช่องปากหลายอย่าง มีการเตือนจากวงการทันตแพทย์ทั่วโลกดังนี้:
- การจัดฟันแฟชั่นนั้นทำโดยคนที่ไม่มีความรู้ด้านทันตกรรม – ไม่มีใบประกอบวิชาชีพทันตกรรม คนเหล่านี้ไม่มีการตรวจสภาพฟันคนไข้ ไม่มีการ X-ray ขาดความรู้ในการควบคุมแรงดันในการเคลื่อนฟันให้ปลอดภัย นอกจากนั้นสถานที่ทำก็มักเป็นบ้านพักหรือร้านเสริมสวยที่ไม่สะอาด ไม่มีการควบคุมฆ่าเชื้อโรคให้กับอุปกรณ์ เครื่องมือที่ใช้ซ้ำหรือไม่สะอาดจะทำให้คนรับบริการเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
- วัสดุอุปกรณ์ไม่ได้มาตรฐาน เสี่ยงต่อพิษจากโลหะหนัก – เพราะวัสดุเหล่านี้ไม่ได้รับการควบคุมคุณภาพเหมือนวัสดุทางทันตกรรมจริงๆ ลวดจัดฟันปลอมที่ใช้ในการจัดฟันแฟชั่นจำนวนมากถูกตรวจพบว่ามีส่วนผสมของโลหะหนักที่อันตราย เช่น แคดเมียมและตะกั่ว เมื่อร่างกายรับสารพิษเหล่านี้ทางปากไปเรื่อยๆ ก็จะส่งผลต่อ ตับ หัวใจ และเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็ง มีรายงานว่าประเทศไทยต้องออกกฎหมายห้ามการขายเหล็กดัดฟันแฟชั่นออนไลน์ เนื่องจากพบกรณีวัยรุ่นเสียชีวิต 2 รายที่เกี่ยวข้องกับการใช้เครื่องมือเหล่านี้ ซึ่งภายหลังตรวจพบการติดเชื้อและพิษจากโลหะหนักในร่างกายของผู้เสียชีวิต หนึ่งในนั้นเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวที่เชื่อมโยงกับพิษแคดเมียมจากเครื่องมือจัดฟันเถื่อน
- ความเสี่ยงต่อการสำลักและเป็นแผลในช่องปาก – เนื่องจากกาวที่ใช้เป็นคนละแบบกับของจริงที่ใช้ในทางทันตกรรม (แม้เขาจะหลอกคุณว่าเป็นแบบเดียวกันก็ตาม) การติดก็ไม่แข็งแรงเหมือนกับการจัดฟันที่มีมาตรฐาน แบร็คเก็ตหรือลวดจัดฟันอาจหลุดออกมาได้ระหว่างทานข้าว ชิ้นส่วนที่หลุดออกมาอาจทำให้สำลักหรือเผลอกลืนลงไป แบร็คเก็ตหรือลวดที่หลุด ยื่นออกมาอาจคมและบาดเหงือก กระพุ้งแก้มได้ ทำให้มีแผลในช่องปากและติดเชื้อซ้ำเติม
- เสี่ยงต่อการติดเชื้อ – ดังที่ได้กล่าวไปคือเครื่องมือจัดฟันแฟชั่นเหล่านี้ไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างถูกต้อง จึงมีโอกาสสูงที่เชื้อโรคยังหลงเหลืออยู่ และผู้ใช้หลายรายรายงานว่าเกิดเหงือกอักเสบ เป็นหนอง หรือมีแผลติดเชื้อเรื้อรังหลังติดเหล็กจัดฟันแฟชั่น นอกจากนี้การที่โลหะหนักจากเครื่องมือค่อยๆ ซึมเข้าสู่เนื้อเยื่อเหงือก ไม่เพียงก่อพิษโดยตรง แต่ยังกระตุ้นให้เนื้อเยื่ออักเสบและติดเชื้อได้ง่ายขึ้น กรณีร้ายแรงที่เคยบันทึกคือผู้ใช้จัดฟันแฟชั่นเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดหรืออวัยวะภายในจากแบคทีเรียที่เข้าสู่ร่างกายผ่านบาดแผลในช่องปากที่เกิดจากเครื่องมือปลอม จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต แม้จะพบไม่บ่อย แต่เหตุการณ์ลักษณะนี้เน้นย้ำว่า การติดวัสดุแปลกปลอมในช่องปากโดยไม่มีการควบคุมทางการแพทย์อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
ภาวะฟันล้มจากการจัดฟันแฟชั่น
ภาวะฟันล้มเป็นหนึ่งในปัญหาที่เจอได้บ่อยที่สุดในการจัดฟันแฟชั่น ฟันจะเอียงหรือมีการเคลื่อนตัวออกจากตำแหน่งผิดปกติเนื่องจากแรงดึงจากลวดไม่เหมาะสม ฟันที่ควรตั้งตรงจะเอนไปด้านหน้าหรือด้านหลัง มีลักษณะเหมือนกำลังล้มไปจากแนวฟันเดิม
ในการจัดฟันปกติ ทันตแพทย์จะคอยควบคุมแรงดันที่กระทำกับฟันของคนไข้ เพื่อให้ฟันค่อยๆ เคลื่อนที่เข้าสู่ตำแหน่งที่ต้องการทีละนิดๆ โดยผ่านการวางแผนเป็นอย่างดีมาก่อนแล้ว แต่การจัดฟันแฟชั่นที่ไม่มีการวางแผน ไม่มีการควบคุมจากทันตแพทย์ จะมีโอกาสสูงที่ฟันบางซี่หรือหลายซี่จะได้รับแรงดึงที่ผิดทาง เช่น หากลวดแฟชั่นรัดฟันสองซี่ที่อยู่ห่างกันเกินไป ฟันจะเคลื่อนเข้าหากันมากเกินและเอียงผิดรูป หรือถ้าเครื่องมือไปกดฟันซี่ใดเป็นพิเศษ ฟันซี่นั้นก็อาจเคลื่อนตัวจนเอียงออกจากกระดูกขากรรไกรจนฟันสบผิดปกติ
เราสามารถสังเกตภาวะฟันล้มได้ โดยดูว่าเมื่อก่อนฟันที่เคยเรียงตัวดีเกิดเบี่ยงเอียงไม่เท่ากัน บางกรณีฟันคู่สบ (ฟันบน-ล่างที่กัดกัน) ไม่สัมผัสกันเหมือนเดิม ผู้ที่ประสบปัญหานี้มักมีอาการเคี้ยวอาหารลำบากและอาจมีอาการปวดขากรรไกรร่วมด้วย เพราะการสบฟันเปลี่ยนไป นอกจากนี้ ฟันที่เอียงล้มยังทำความสะอาดได้ยากขึ้น ส่งผลให้มีความเสี่ยงฟันผุและโรคเหงือกสูงขึ้น
หากฟันโยกคลอนมากเข้า โครงสร้างรากฟันและกระดูกอาจถูกทำลายจนจำเป็นต้องถอนฟันซี่นั้นทิ้ง ในเคสผู้ใช้จัดฟันแฟชั่นหลายราย เมื่อรู้ตัวว่าฟันตัวเองล้มและเรียงตัวแย่ลง ก็ต้องหันไปพบทันตแพทย์เพื่อจัดฟันใหม่อย่างถูกต้องอยู่ดี ซึ่งก็จะเสียค่าใช้จ่ายสูงและต้องใช้เวลารักษานาน อีกทั้งความเสียหายบางอย่าง (เช่น รากฟันที่ละลายหรือกระดูกที่หายไป) ก็อาจไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้ 100%
ดังนั้นเราจึงไม่ควรจัดฟันแฟชั่นในทุกกรณี จำไว้ว่าไม่มีทางลัดใดที่จะได้ฟันสวยอย่างปลอดภัยนอกจากการดูแลโดยมืออาชีพอย่างทันตแพทย์ การตามกระแสแฟชั่นที่แลกมาด้วยความเสี่ยงต่อชีวิตและสุขภาพช่องปากนั้นไม่เคยคุ้มค่าเลย หากผู้อ่านกำลังคิดจะจัดฟันแฟชั่น ควรหยุดและหันมาจัดฟันจริงๆ จะดีกว่าค่ะ