ฟอกสีฟัน หรือ ฟอกฟันขาว (Tooth whitening) คือ กระบวนการเสริมความงามทางทันตกรรม ที่ช่วยทำให้ฟันที่เคยมีสีคล้ำ สีเหลือง กลับมามีสีขาวขึ้น โดยการใช้สารฟอกสีฟันที่มีส่วนผสมของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen peroxide) หรือคาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ (Carbamide peroxide) สารฟอกสีฟันจะเข้าไปทำปฏิกิริยากับเม็ดสีในฟัน ทำให้เม็ดสีแตกตัวออกและทำให้ฟันดูขาวขึ้น
ฟอกสีฟัน ฟอกฟันขาว ระบบ Cool light LED
การฟอกสีฟันแบบ Cool light LED เป็นวิธีการฟอกสีฟันแบบคลินิกที่ได้รับความนิยม เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการฟอกสีฟันที่ดี หลักการของการฟอกสีฟันแบบ Cool light LED คือการใช้แสง LED แบบเย็นกระตุ้นสารฟอกสีฟัน เพื่อช่วยเร่งปฏิกิริยาในการทำลายโมเลกุลสีภายในชั้นเคลือบฟัน ทำให้ฟันดูขาวขึ้น
ฟอกสีฟัน ฟอกฟันขาว Zoom
การฟอกสีฟันแบบ Zoom เป็นวิธีการฟอกสีฟันแบบคลินิกที่ได้รับความนิยมเช่นกัน Zoom เป็นเทคโนโลยีที่ใหม่กว่าจากประเทศสหรัฐอเมริกา มีสาร ACP ช่วยลดอาการเสียวฟัน และสามารถปรับเฉดสีได้มากถึง 8 ระดับ เพราะน้ำยาของการฟอกแบบ Zoom มีความเข้มข้นมากกว่า
ฟอกสีฟันทำให้ฟันขาวได้อย่างไร
การฟอกสีฟันทำให้ฟันขาวขึ้นได้เพราะสารฟอกสีฟันมีส่วนผสมของ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์หรือคาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ ที่จะเข้าไปทำปฏิกิริยากับออกซิเจน เมื่อสัมผัสกับผิวฟัน ทำให้สารที่มีสีต่างๆ ที่เกาะอยู่บนฟันเกิดการแตกตัว มีขนาดเล็กลง และสามารถหลุดออกมาได้ สารฟอกขาวสามารถซึมเข้าไปในฟันได้ลึก ทำให้สามารถลดรอยสีภายในฟันได้
หากทำการฟอกฟันขาวที่คลินิก ทันตแพทย์จะใช้แสงเพื่อช่วยเร่งปฏิกิริยาทำให้ฟันขาวได้เร็วขึ้นกว่าการทำเองที่บ้าน
ผลลัพธ์จากการฟอกสีฟันจะอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากของแต่ละบุคคล เช่น การแปรงฟันอย่างถูกวิธี การหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีเข้ม เช่น ชา กาแฟ ไวน์ พะโล้ และการงดสูบบุหรี่เป็นต้น
ฟอกสีฟันมีกี่แบบ
หลักๆ แล้วการฟอกสีฟันแบ่งได้เป็น 2 แบบคือ
- ฟอกสีฟันโดยทันตแพทย์ที่คลินิก
- ฟอกสีฟันเองที่บ้านโดยนำอุปกรณ์ที่ทันตแพทย์จัดหาให้ไปฟอกสีฟันเองที่บ้าน ตามคำแนะนำและวิธีการของทันตแพทย์
การฟอกสีฟันที่คลินิกมีข้อดีคือรวดเร็วและเห็นผลไว น้ำยาฟอกมีความเข้มข้นสูง อยู่ในความดูแลของทันตแพทย์อย่างใกล้ชิด ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาน้อยหรือรีบมีงานด่วน ข้อเสียคือมีราคาแพงกว่า และฟันขาวอยู่ได้ไม่นานเท่ากับทำเองที่บ้าน
การฟอกสีฟันเองที่บ้าน น้ำยาจะมีความเข้มข้นน้อยกว่า ใช้เวลาวันละ 2 ชั่วโมง ทำประมาณ 1-2 อาทิตย์จึงจะได้ผลลัพท์ที่ต้องการ แต่ข้อดีคือฟันจะขาวนานกว่า และมีราคาถูกกว่า
หากฟันมีคราบสีเยอะ สามารถทำร่วมกันได้ คือ ฟอกสีฟันที่คลินิกแล้วกลับไปทำต่อที่บ้านด้วย
ขั้นตอนการฟอกสีฟันโดยทันตแพทย์
- ทันตแพทย์ทำการตรวจช่องปากคนไข้ ดูประวัติ เทียบเฉดสีทั้งคอฟันและปลายฟัน
- หากจำเป็น คนไข้บางคนต้องได้รับการ ขัดฟัน ขูดหินปูนก่อน
- ใส่ที่ป้องกันเหงือกและริมฝีปากให้กับคนไข้
- ทาเจลป้องกันเหงือก ฉายแสงให้เจลแข็งตัว กระบวนการนี้เป็นกระบวนการที่สำคัญมากเพราะน้ำยาฟอกสีฟันไม่ควรโดนเหงือกหรือริมฝีปาก
- นำน้ำยาฟอกสีฟันมาป้ายบนฟัน
- นำเครื่องมาฉายแสง ให้ทำปฏิกิริยากับน้ำยาฟอกฟัน เพราะแสงจะกระตุ้นให้น้ำยาทำงานได้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้น
- ฉายแสงใส่ฟันทั้งหมด 3-4 ครั้ง แต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 15 นาที
- เมื่อเสร็จแล้วนำเครื่องมือทั้งหมดออก
ขั้นตอนการฟอกสีฟันที่บ้านด้วยตัวเอง
ก่อนที่จะทำการฟอกสีฟันที่บ้านด้วยตัวเองนั้น คนไข้ต้องเข้ามาพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากทั่วไปก่อน ว่าพร้อมสำหรับการฟอกสีฟันหรือไม่ หากมีฟันผุ ร่องเหงือกอักเสบ มีหินปูนเยอะ ต้องทำการรักษาให้เสร็จก่อน
เมื่อทำการรักษาเสร็จแล้ว ทันตแพทย์จะทำถาดฟอกสีฟันส่วนตัวให้ และมีขั้นตอนการฟอกสีฟันที่บ้านดังนี้
- มาพบทันตแพทย์ เพื่อตรวจสภาพฟันทั่วไปว่าพร้อมสำหรับการฟอกสีฟันแล้ว
- พิมพ์ฟัน เพื่อทำถาดฟอกสีฟันสำหรับแต่ละบุคคล
- ก่อนฟอกสีฟันต้องแปรงฟันก่อนเสมอ
- ใส่น้ำยาฟอกสีฟันลงไปในถาด ค่อยๆ บีบน้ำยาลงในถาดตรงส่วนที่จะสัมผัสกับด้านหน้าฟัน (เราไม่ได้จะฟอกฟันทั้งซี่ เราฟอกแค่ด้านหน้า) โดยบีบแต้มเป็นจุดประมาณเท่าหัวไม้ขีด ที่บริเวณกึ่งกลางฟันในถาด ฟันกราม 2 ซี่หลังสุดไม่ต้องใส่ก็ได้ เพราะมองไม่เห็น
- แต้มน้ำยาในถาด ทั้งถาดฟันบน ถาดฟันล่าง อย่างละ 8-10 ซี่
- นำถาดมาครอบฟัน ทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง
- เมื่อเสร็จแล้วให้นำถาดออก บ้วนน้ำเยอะๆ เพื่อล้างคราบน้ำยา
การฟอกสีฟันเองที่บ้านใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง และอุปกรณ์ฟอกสีฟันเช่น ถาดฟอกสีฟัน และน้ำยาฟอกสีฟัน ควรเป็นยาฟอกสีฟันที่จ่ายโดนทันตแพทย์เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยกับคนไข้เอง
น้ำยาฟอกสีฟัน 1 หลอดใช้ได้ประมาณ 6-7 ครั้ง การใช้น้ำยามากเกินไปไม่ได้ช่วยให้ฟันขาวขึ้น หากใส่มากเกินไปอาจทำให้น้ำยาล้นขึ้นไปกองที่เหงือก ทำให้เหงือกอักเสบได้
อาการหลังฟอกสีฟัน
อาการที่พบได้บ่อยที่สุดคืออาการเสียวฟัน ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในช่วงแรกๆ หลังการฟอกสีฟัน แต่จะหายไปเองภายใน 1-2 วัน แต่หากอาการเสียวฟันรุนแรงหรือเป็นต่อเนื่อง ควรปรึกษาทันตแพทย์
นอกจากนั้นอาจมีอาการเหงือกอักเสบ ซึ่งเกิดขึ้นได้หากสารฟอกสีฟันสัมผัสกับเหงือกโดยตรง อาจมีอาการบวมแดง อักเสบ หรือมีเลือดออก การรักษาอาจทำได้โดยการทำความสะอาดบริเวณเหงือกหรือใช้ยาช่วย
ข้อดีฟอกสีฟัน
ข้อดีของการฟอกสีฟัน มีดังนี้
- ทำให้ฟันขาวขึ้น โดยสามารถทำให้ฟันขาวขึ้นได้หลายระดับ ขึ้นอยู่กับสีฟันเดิมของคนไข้
- เพิ่มความมั่นใจจากการมีฟันขาวสะอาด
- เสริมบุคลิกภาพ เนื่องจากฟันขาวทำให้ใบหน้าดูสดใสและดูดียิ่งขึ้น
- มีผลกระทบกับเนื้อฟันน้อยกว่าการทำวีเนียร์
- สามารถใช้กับคนไข้ที่มีฟันตกกระได้
ข้อเสียฟอกสีฟัน
ข้อเสียที่เห็นได้ชัดของการฟอกสีฟันคือ
- อาการเสียวฟันที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติ โดยสามารถเกิดได้ทั้งระหว่างที่กำลังฟอกสีฟัน และหลังจากฟอกสีฟันเสร็จแล้วประมาณ 1-2 วัน การแปรงฟันด้วยยาสีฟันสูตรช่วยลดการเสียวฟันอาจไม่ช่วยมากนัก เพราะเราแปรงฟันแค่ไม่กี่นาทีก็บ้วนปากแล้ว
- วิธีแก้ นำยาสีฟันสูตรช่วยลดการเสียวฟันป้ายลงไปในถาดฟอกสีฟันของเรา หากเสียวฟันบริเวณไหนมาก ก็ใส่ยาสีฟันบริเวณนั้นมาก แล้วนำถาดใส่ครอบฟันแล้วกัดค้างไว้ 1-2 ชม. จะแก้อาการเสียวฟันได้ดีกว่าเดิมมาก
- ระคายเคืองเหงือก มักเกิดจากใส่น้ำยาฟอกสีฟันเยอะเกินไป ทำให้ไปโดนเหงือกมาก (น้ำยาฟอกโดนเหงือกได้นิดหน่อย พยายามอย่าโดนเยอะ เพราะบางคนโดนมากๆ แล้วระคายเคืองมาก) สามารถใช้ คอตตอนบัด ปาดออกในบริเวณที่ล้นได้
- หากใช้น้ำยาน้อยแล้วยังระคายเคืองอยู่ ก็ลดจำนวนชม.การฟอกได้ เช่นเหลือแค่ 1 ชม.ต่อครั้งเป็นต้น
- คนไข้บางคนอาจมีอาการน้ำลายเยอะ แต่ไม่ต้องกังวล น้ำลายที่ออกมาตอนฟอกสีฟัน สามารถกลืนได้ไม่อันตราย จะน้ำลายเยอะแค่ 2-3 วันแล้วกลับมาเป็นปกติ
- ผลลัพธ์จากการฟอกสีฟันนั้นไม่ถาวร ต้องทำอยู่เรื่อยๆ
การดูแลฟัน หลังการฟอกสีฟันให้อยู่นานๆ
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีเข้ม เช่น ชา กาแฟ ไวน์ น้ำอัดลม ผลไม้ที่มีสีเข้ม เป็นต้น เนื่องจากอาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้ทำให้สีฟันกลับมาเข้มได้ไวขึ้น
- แปรงฟันอย่างถูกวิธี โดยใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ เพื่อช่วยให้ฟันแข็งแรงและป้องกันฟันผุ
- ใช้ไหมขัดฟัน ทุกวัน เพื่อทำความสะอาดซอกฟัน
- พบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ เพื่อตรวจเช็คสุขภาพฟันและรับคำแนะนำในการดูแลฟันอย่างเหมาะสม
- ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ จะช่วยป้องกันฟันผุและทำให้ฟันขาวขึ้น
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่อาจทำให้ฟันเหลืองได้
ใครไม่เหมาะกับการฟอกสีฟัน
คนบางกลุ่มอาจจะไม่เหมาะสมหรือควรหลีกเลี่ยงการฟอกสีฟันเนื่องจากอาจเกิดผลข้างเคียงหรือไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ เช่น
- เด็กและวัยรุ่น – โดยปกติแล้วเด็กที่อายุต่ำกว่า 16 ปีไม่ควรทำการฟอกสีฟัน เนื่องจากประสาทฟันยังไม่เติบโตเต็มที่ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสี่ยงในการเสียวฟันหรือการทำลายเนื้อฟัน
- หญิงตั้งครรภ์หรือผู้ที่กำลังให้นมบุตร – ไม่แนะนำให้ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรทำการฟอกสีฟัน เพราะยังมีข้อมูลไม่เพียงพอที่จะยืนยันความปลอดภัย
- คนที่มีฟันและเหงือกที่ไม่แข็งแรง – ผู้ที่มีปัญหาเหงือก, ฟันผุ เนื่องจากสารฟอกสีฟันอาจทำให้เกิดการระคายเคืองมาก
- คนที่ใส่ฟันปลอม – เพราะวัสดุที่ใช้ทำฟันปลอมไม่ได้ตอบสนองต่อสารฟอกสีฟัน ไม่เหมือนกับฟันธรรมชาติ ดังนั้นการฟอกสีฟันอาจไม่มีประสิทธิภาพหรือทำให้สีของฟันไม่สม่ำเสมอ
- คนที่มีความไวต่อสารฟอกสีฟัน – บางคนอาจมีความไวต่อสารฟอกสีฟัน เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองหรือแพ้ได้
- กลุ่มคนที่ผิวของเคลือบฟันไม่เรียบ
- กลุ่มคนที่มีวัสดุอุดฟันที่มีขนาดใหญ่ที่ฟันหน้า หรือมีการทำเคลือบฟันเทียมที่ฟันหน้าบางซี่ เพราะเวลาฟอกสีฟันแล้วจะทำให้สีฟันไม่เสมอกัน
รีวิวฟอกสีฟัน
ฟอกสีฟัน ราคาเท่าไหร่
รายการ | ราคา (บาท) |
ฟอกสีฟันที่คลินิกแบบ Cool light ( Cool light Teeth Whitening system ) | 5,500 |
ฟอกสีฟันที่คลินิกแบบ Zoom ( Zoom Teeth Whitening system ) | 9,500 |
ฟอกสีฟันแบบทำเองที่บ้าน Opalescent ( Opalescent Home gel Teeth Whitening) | 6,500 |
หมายเหตุ กรุณาสอบถามราคากับทันตแพทย์อีกครั้ง เพราะทางร้านจัดโปรบ่อยมาก
คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับการฟอกสีฟัน
จัดฟันอยู่ฟอกสีฟันได้หรือไม่
การฟอกสีฟันสามารถทำได้ทั้งผู้ที่จัดฟันและไม่จัดฟัน แต่หากจัดฟันอยู่ แนะนำให้จัดฟันให้เสร็จก่อนแล้วรออีก 3-6 เดือนจึงค่อยฟอกสีฟัน ไม่ควรฟอกสีฟันระหว่างจัดฟันเนื่องจากการจัดฟันอาจทำให้ฟันเคลื่อนที่ได้ ส่งผลให้การฟอกสีฟันไม่สม่ำเสมอ นอกจากนั้นสารฟอกขาวอาจไม่สามารถซึมเข้าไปตรงแบร็คเก็ตที่ติดอยู่ที่ผิวฟันได้ พอถอดเครื่องมือจัดฟันออก สีของฟันจะก็ไม่สม่ำเสมอ
ฟอกสีฟันทำให้ฟันบางลงจริงหรือไม่
การฟอกสีฟันนั้นใช้น้ำยาที่มีส่วนผสมของไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ ซึ่งเป็นสารฟอกขาวที่ไม่ทำปฏิกิริยากับอนินทรีย์อย่างเคลือบฟันหรือผิวฟัน ดังนั้นฟันจึงไม่ถูกกัดกร่อน แต่สารฟอกขาวนี้จะส่งผลต่อสารอินทรีย์ในช่องปากเช่นเหงือก หรือกระพุ้งแก้มได้ จึงต้องทาน้ำยาบริเวณเหงือกและกระพุ้งแก้ม เพื่อป้องกันและลดอาการระคายเคือง การฟอกสีฟันจึงไม่ได้ทำให้ฟันบางลง
ฟอกสีฟันต้องทำกี่ครั้ง
ขึ้นอยู่กับประเภทของการฟอกสีฟัน ดังนี้
- การฟอกสีฟันที่คลินิกโดยทั่วไปแล้วจะทำเพียงครั้งเดียว แต่อาจต้องฟอกซ้ำอีก 1-2 ครั้ง หากต้องการผลลัพธ์ที่ขาวขึ้น โดยแต่ละครั้งอาจใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที
- การฟอกสีฟันแบบทำเองที่บ้าน สามารถทำได้หลายครั้ง ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของทันตแพทย์ โดยปกติแล้ว จะทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เป็นเวลา 2-4 สัปดาห์ ครั้งละประมาณ 2 ชั่วโมง
โดยผลลัพธ์จากการฟอกสีฟันจะอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากของแต่ละบุคคล หากดูแลรักษาฟันเป็นอย่างดี สีฟันจะขาวอยู่ได้นานขึ้น
ฟอกสีฟันเจ็บไหม
การฟอกสีฟันโดยทั่วไปแล้วไม่เจ็บ แต่อาจมีอาการเสียวฟันเล็กน้อยในช่วงแรกๆ เนื่องจากน้ำยาฟอกสีฟันจะเข้าไปทำลายเม็ดสีที่เกาะติดบนผิวฟัน ซึ่งอาจทำให้ฟันเสียวได้ อาการเสียวฟันนี้มักหายไปเองภายใน 1-2 วัน
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มีฟันผุ เหงือกอักเสบ หรือฟันบิ่น ฟันแตก อาจมีอาการเสียวฟันรุนแรงมากขึ้น ดังนั้น ควรปรึกษาทันตแพทย์ก่อนฟอกสีฟัน เพื่อรับการรักษาอาการต่างๆ ก่อนฟอกสีฟัน
ฟอกสีฟันอยู่ได้นานขนาดไหน
โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ได้ประมาณ 1 ปี แต่ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อาหารที่รับประทานและเครื่องดื่ม นอกจากนั้นแล้วการฟอกสีฟันที่ทำเองที่บ้าน จะอยู่ได้นานกว่าและขาวกว่าการทำที่คลินิก เพียงแต่การทำที่คลินิกจะให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่า
ฟอกสีฟันก่อนจัดฟันได้หรือไม่
สามารถฟอกสีฟันก่อนจัดฟันได้ เพระาการทำฟอกสีฟันไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับการจัดฟัน เพียงแต่ว่าเราต้องดูว่าเราจำเป็นต้องฟอกสีฟันก่อนจัดฟันจริงๆ หรือเปล่า เพราะว่าเวลาจัดฟัน ก็จะต้องติดเครื่องมือจัดฟันลงบนผิวฟัน ทำให้มองไม่ค่อยเห็นว่าฟันขาวขึ้น แถมการจัดฟันก็ใช้เวลานาน 1-2 ปีขึ้นไป พอถอดเครื่องมือ ก็อาจจะต้องมาฟอกสีฟันใหม่อีกครั้ง เหมือนเสียเงินสองรอบ