ฟอกสีฟัน ฟอกฟันขาว ราคาเท่าไหร่ แบบไหนดี

ฟอกสีฟัน หรือ ฟอกฟันขาว (Tooth whitening) คือ กระบวนการเสริมความงามทางทันตกรรม ที่ช่วยทำให้ฟันที่เคยมีสีคล้ำ สีเหลือง กลับมามีสีขาวขึ้น โดยการใช้สารฟอกสีฟันที่มีส่วนผสมของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen peroxide) หรือคาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ (Carbamide peroxide) สารฟอกสีฟันจะเข้าไปทำปฏิกิริยากับเม็ดสีในฟัน ทำให้เม็ดสีแตกตัวออกและทำให้ฟันดูขาวขึ้น

ฟอกสีฟัน ฟอกฟันขาว ระบบ Cool light LED

การฟอกสีฟันแบบ Cool light LED เป็นวิธีการฟอกสีฟันแบบคลินิกที่ได้รับความนิยม เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการฟอกสีฟันที่ดี หลักการของการฟอกสีฟันแบบ Cool light LED คือการใช้แสง LED แบบเย็นกระตุ้นสารฟอกสีฟัน เพื่อช่วยเร่งปฏิกิริยาในการทำลายโมเลกุลสีภายในชั้นเคลือบฟัน ทำให้ฟันดูขาวขึ้น

ฟอกสีฟัน ฟอกฟันขาว Zoom

การฟอกสีฟันแบบ Zoom เป็นวิธีการฟอกสีฟันแบบคลินิกที่ได้รับความนิยมเช่นกัน Zoom เป็นเทคโนโลยีที่ใหม่กว่าจากประเทศสหรัฐอเมริกา มีสาร ACP ช่วยลดอาการเสียวฟัน และสามารถปรับเฉดสีได้มากถึง 8 ระดับ เพราะน้ำยาของการฟอกแบบ Zoom มีความเข้มข้นมากกว่า

ฟอกสีฟันทำให้ฟันขาวได้อย่างไร

ฟอกสีฟันทำอย่างไร

การฟอกสีฟันทำให้ฟันขาวขึ้นได้เพราะสารฟอกสีฟันมีส่วนผสมของ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์หรือคาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ ที่จะเข้าไปทำปฏิกิริยากับออกซิเจน เมื่อสัมผัสกับผิวฟัน ทำให้สารที่มีสีต่างๆ ที่เกาะอยู่บนฟันเกิดการแตกตัว มีขนาดเล็กลง และสามารถหลุดออกมาได้ สารฟอกขาวสามารถซึมเข้าไปในฟันได้ลึก ทำให้สามารถลดรอยสีภายในฟันได้

หากทำการฟอกฟันขาวที่คลินิก ทันตแพทย์จะใช้แสงเพื่อช่วยเร่งปฏิกิริยาทำให้ฟันขาวได้เร็วขึ้นกว่าการทำเองที่บ้าน

ผลลัพธ์จากการฟอกสีฟันจะอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากของแต่ละบุคคล เช่น การแปรงฟันอย่างถูกวิธี การหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีเข้ม เช่น ชา กาแฟ ไวน์ พะโล้ และการงดสูบบุหรี่เป็นต้น

ฟอกสีฟันมีกี่แบบ

หลักๆ แล้วการฟอกสีฟันแบ่งได้เป็น 2 แบบคือ

  1. ฟอกสีฟันโดยทันตแพทย์ที่คลินิก
  2. ฟอกสีฟันเองที่บ้านโดยนำอุปกรณ์ที่ทันตแพทย์จัดหาให้ไปฟอกสีฟันเองที่บ้าน ตามคำแนะนำและวิธีการของทันตแพทย์

การฟอกสีฟันที่คลินิกมีข้อดีคือรวดเร็วและเห็นผลไว น้ำยาฟอกมีความเข้มข้นสูง อยู่ในความดูแลของทันตแพทย์อย่างใกล้ชิด ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาน้อยหรือรีบมีงานด่วน ข้อเสียคือมีราคาแพงกว่า และฟันขาวอยู่ได้ไม่นานเท่ากับทำเองที่บ้าน

การฟอกสีฟันเองที่บ้าน น้ำยาจะมีความเข้มข้นน้อยกว่า ใช้เวลาวันละ 2 ชั่วโมง ทำประมาณ 1-2 อาทิตย์จึงจะได้ผลลัพท์ที่ต้องการ แต่ข้อดีคือฟันจะขาวนานกว่า และมีราคาถูกกว่า

หากฟันมีคราบสีเยอะ สามารถทำร่วมกันได้ คือ ฟอกสีฟันที่คลินิกแล้วกลับไปทำต่อที่บ้านด้วย

ขั้นตอนการฟอกสีฟันโดยทันตแพทย์

ทันตแพทย์เทียบเฉดสีที่คนไข้ต้องการก่อนฟอกสีฟัน

  1. ทันตแพทย์ทำการตรวจช่องปากคนไข้ ดูประวัติ เทียบเฉดสีทั้งคอฟันและปลายฟัน
  2. หากจำเป็น คนไข้บางคนต้องได้รับการ ขัดฟัน ขูดหินปูนก่อน
  3. ใส่ที่ป้องกันเหงือกและริมฝีปากให้กับคนไข้
  4. ทาเจลป้องกันเหงือก ฉายแสงให้เจลแข็งตัว กระบวนการนี้เป็นกระบวนการที่สำคัญมากเพราะน้ำยาฟอกสีฟันไม่ควรโดนเหงือกหรือริมฝีปาก
  5. นำน้ำยาฟอกสีฟันมาป้ายบนฟัน
  6. นำเครื่องมาฉายแสง ให้ทำปฏิกิริยากับน้ำยาฟอกฟัน เพราะแสงจะกระตุ้นให้น้ำยาทำงานได้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้น
  7. ฉายแสงใส่ฟันทั้งหมด 3-4 ครั้ง แต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 15 นาที
  8. เมื่อเสร็จแล้วนำเครื่องมือทั้งหมดออก

ขั้นตอนการฟอกสีฟันที่บ้านด้วยตัวเอง

ก่อนที่จะทำการฟอกสีฟันที่บ้านด้วยตัวเองนั้น คนไข้ต้องเข้ามาพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากทั่วไปก่อน ว่าพร้อมสำหรับการฟอกสีฟันหรือไม่ หากมีฟันผุ ร่องเหงือกอักเสบ มีหินปูนเยอะ ต้องทำการรักษาให้เสร็จก่อน

เมื่อทำการรักษาเสร็จแล้ว ทันตแพทย์จะทำถาดฟอกสีฟันส่วนตัวให้ และมีขั้นตอนการฟอกสีฟันที่บ้านดังนี้

  1. มาพบทันตแพทย์ เพื่อตรวจสภาพฟันทั่วไปว่าพร้อมสำหรับการฟอกสีฟันแล้ว
  2. พิมพ์ฟัน เพื่อทำถาดฟอกสีฟันสำหรับแต่ละบุคคล
  3. ก่อนฟอกสีฟันต้องแปรงฟันก่อนเสมอ
  4. ใส่น้ำยาฟอกสีฟันลงไปในถาด ค่อยๆ บีบน้ำยาลงในถาดตรงส่วนที่จะสัมผัสกับด้านหน้าฟัน (เราไม่ได้จะฟอกฟันทั้งซี่ เราฟอกแค่ด้านหน้า) โดยบีบแต้มเป็นจุดประมาณเท่าหัวไม้ขีด ที่บริเวณกึ่งกลางฟันในถาด ฟันกราม 2 ซี่หลังสุดไม่ต้องใส่ก็ได้ เพราะมองไม่เห็น
  5. แต้มน้ำยาในถาด ทั้งถาดฟันบน ถาดฟันล่าง อย่างละ 8-10 ซี่
  6. นำถาดมาครอบฟัน ทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง
  7. เมื่อเสร็จแล้วให้นำถาดออก บ้วนน้ำเยอะๆ เพื่อล้างคราบน้ำยา

การฟอกสีฟันเองที่บ้านใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง และอุปกรณ์ฟอกสีฟันเช่น ถาดฟอกสีฟัน และน้ำยาฟอกสีฟัน ควรเป็นยาฟอกสีฟันที่จ่ายโดนทันตแพทย์เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยกับคนไข้เอง

น้ำยาฟอกสีฟัน 1 หลอดใช้ได้ประมาณ 6-7 ครั้ง การใช้น้ำยามากเกินไปไม่ได้ช่วยให้ฟันขาวขึ้น หากใส่มากเกินไปอาจทำให้น้ำยาล้นขึ้นไปกองที่เหงือก ทำให้เหงือกอักเสบได้

อาการหลังฟอกสีฟัน

อาการที่พบได้บ่อยที่สุดคืออาการเสียวฟัน ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในช่วงแรกๆ หลังการฟอกสีฟัน แต่จะหายไปเองภายใน 1-2 วัน แต่หากอาการเสียวฟันรุนแรงหรือเป็นต่อเนื่อง ควรปรึกษาทันตแพทย์

นอกจากนั้นอาจมีอาการเหงือกอักเสบ ซึ่งเกิดขึ้นได้หากสารฟอกสีฟันสัมผัสกับเหงือกโดยตรง อาจมีอาการบวมแดง อักเสบ หรือมีเลือดออก การรักษาอาจทำได้โดยการทำความสะอาดบริเวณเหงือกหรือใช้ยาช่วย

ข้อดีฟอกสีฟัน

ข้อดีของการฟอกสีฟัน มีดังนี้

  • ทำให้ฟันขาวขึ้น โดยสามารถทำให้ฟันขาวขึ้นได้หลายระดับ ขึ้นอยู่กับสีฟันเดิมของคนไข้
  • เพิ่มความมั่นใจจากการมีฟันขาวสะอาด
  • เสริมบุคลิกภาพ เนื่องจากฟันขาวทำให้ใบหน้าดูสดใสและดูดียิ่งขึ้น
  • มีผลกระทบกับเนื้อฟันน้อยกว่าการทำวีเนียร์
  • สามารถใช้กับคนไข้ที่มีฟันตกกระได้

ข้อเสียฟอกสีฟัน

ข้อเสียที่เห็นได้ชัดของการฟอกสีฟันคือ

  1. อาการเสียวฟันที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติ โดยสามารถเกิดได้ทั้งระหว่างที่กำลังฟอกสีฟัน และหลังจากฟอกสีฟันเสร็จแล้วประมาณ 1-2 วัน การแปรงฟันด้วยยาสีฟันสูตรช่วยลดการเสียวฟันอาจไม่ช่วยมากนัก เพราะเราแปรงฟันแค่ไม่กี่นาทีก็บ้วนปากแล้ว
  2. วิธีแก้ นำยาสีฟันสูตรช่วยลดการเสียวฟันป้ายลงไปในถาดฟอกสีฟันของเรา หากเสียวฟันบริเวณไหนมาก ก็ใส่ยาสีฟันบริเวณนั้นมาก แล้วนำถาดใส่ครอบฟันแล้วกัดค้างไว้ 1-2 ชม. จะแก้อาการเสียวฟันได้ดีกว่าเดิมมาก
  3. ระคายเคืองเหงือก มักเกิดจากใส่น้ำยาฟอกสีฟันเยอะเกินไป ทำให้ไปโดนเหงือกมาก (น้ำยาฟอกโดนเหงือกได้นิดหน่อย พยายามอย่าโดนเยอะ เพราะบางคนโดนมากๆ แล้วระคายเคืองมาก) สามารถใช้ คอตตอนบัด ปาดออกในบริเวณที่ล้นได้
  4. หากใช้น้ำยาน้อยแล้วยังระคายเคืองอยู่ ก็ลดจำนวนชม.การฟอกได้ เช่นเหลือแค่ 1 ชม.ต่อครั้งเป็นต้น
  5. คนไข้บางคนอาจมีอาการน้ำลายเยอะ แต่ไม่ต้องกังวล น้ำลายที่ออกมาตอนฟอกสีฟัน สามารถกลืนได้ไม่อันตราย จะน้ำลายเยอะแค่ 2-3 วันแล้วกลับมาเป็นปกติ
  6. ผลลัพธ์จากการฟอกสีฟันนั้นไม่ถาวร ต้องทำอยู่เรื่อยๆ

การดูแลฟัน หลังการฟอกสีฟันให้อยู่นานๆ

  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีเข้ม เช่น ชา กาแฟ ไวน์ น้ำอัดลม ผลไม้ที่มีสีเข้ม เป็นต้น เนื่องจากอาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้ทำให้สีฟันกลับมาเข้มได้ไวขึ้น
  • แปรงฟันอย่างถูกวิธี โดยใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ เพื่อช่วยให้ฟันแข็งแรงและป้องกันฟันผุ
  • ใช้ไหมขัดฟัน ทุกวัน เพื่อทำความสะอาดซอกฟัน
  • พบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ เพื่อตรวจเช็คสุขภาพฟันและรับคำแนะนำในการดูแลฟันอย่างเหมาะสม
  • ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ จะช่วยป้องกันฟันผุและทำให้ฟันขาวขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่อาจทำให้ฟันเหลืองได้

ใครไม่เหมาะกับการฟอกสีฟัน

คนบางกลุ่มอาจจะไม่เหมาะสมหรือควรหลีกเลี่ยงการฟอกสีฟันเนื่องจากอาจเกิดผลข้างเคียงหรือไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ เช่น

  • เด็กและวัยรุ่น – โดยปกติแล้วเด็กที่อายุต่ำกว่า 16 ปีไม่ควรทำการฟอกสีฟัน เนื่องจากประสาทฟันยังไม่เติบโตเต็มที่ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสี่ยงในการเสียวฟันหรือการทำลายเนื้อฟัน
  • หญิงตั้งครรภ์หรือผู้ที่กำลังให้นมบุตร – ไม่แนะนำให้ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรทำการฟอกสีฟัน เพราะยังมีข้อมูลไม่เพียงพอที่จะยืนยันความปลอดภัย
  • คนที่มีฟันและเหงือกที่ไม่แข็งแรง – ผู้ที่มีปัญหาเหงือก, ฟันผุ เนื่องจากสารฟอกสีฟันอาจทำให้เกิดการระคายเคืองมาก
  • คนที่ใส่ฟันปลอม – เพราะวัสดุที่ใช้ทำฟันปลอมไม่ได้ตอบสนองต่อสารฟอกสีฟัน ไม่เหมือนกับฟันธรรมชาติ ดังนั้นการฟอกสีฟันอาจไม่มีประสิทธิภาพหรือทำให้สีของฟันไม่สม่ำเสมอ
  • คนที่มีความไวต่อสารฟอกสีฟัน – บางคนอาจมีความไวต่อสารฟอกสีฟัน เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองหรือแพ้ได้
  • กลุ่มคนที่ผิวของเคลือบฟันไม่เรียบ
  • กลุ่มคนที่มีวัสดุอุดฟันที่มีขนาดใหญ่ที่ฟันหน้า หรือมีการทำเคลือบฟันเทียมที่ฟันหน้าบางซี่ เพราะเวลาฟอกสีฟันแล้วจะทำให้สีฟันไม่เสมอกัน

รีวิวฟอกสีฟัน

รีวิวฟอกสีฟันที่ mos dental clinic

รีวิวฟอกสีฟันที่ mos dental clinic 2

ฟอกสีฟัน ราคาเท่าไหร่

รายการ ราคา (บาท)
ฟอกสีฟันที่คลินิกแบบ Cool light  ( Cool light Teeth Whitening system ) 5,500
ฟอกสีฟันที่คลินิกแบบ Zoom  ( Zoom Teeth Whitening system ) 9,500
ฟอกสีฟันแบบทำเองที่บ้าน Opalescent  ( Opalescent Home gel Teeth Whitening) 6,500

หมายเหตุ กรุณาสอบถามราคากับทันตแพทย์อีกครั้ง เพราะทางร้านจัดโปรบ่อยมาก

คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับการฟอกสีฟัน

จัดฟันอยู่ฟอกสีฟันได้หรือไม่

การฟอกสีฟันสามารถทำได้ทั้งผู้ที่จัดฟันและไม่จัดฟัน แต่หากจัดฟันอยู่ แนะนำให้จัดฟันให้เสร็จก่อนแล้วรออีก 3-6 เดือนจึงค่อยฟอกสีฟัน ไม่ควรฟอกสีฟันระหว่างจัดฟันเนื่องจากการจัดฟันอาจทำให้ฟันเคลื่อนที่ได้ ส่งผลให้การฟอกสีฟันไม่สม่ำเสมอ นอกจากนั้นสารฟอกขาวอาจไม่สามารถซึมเข้าไปตรงแบร็คเก็ตที่ติดอยู่ที่ผิวฟันได้ พอถอดเครื่องมือจัดฟันออก สีของฟันจะก็ไม่สม่ำเสมอ

ฟอกสีฟันทำให้ฟันบางลงจริงหรือไม่

การฟอกสีฟันนั้นใช้น้ำยาที่มีส่วนผสมของไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ ซึ่งเป็นสารฟอกขาวที่ไม่ทำปฏิกิริยากับอนินทรีย์อย่างเคลือบฟันหรือผิวฟัน ดังนั้นฟันจึงไม่ถูกกัดกร่อน แต่สารฟอกขาวนี้จะส่งผลต่อสารอินทรีย์ในช่องปากเช่นเหงือก หรือกระพุ้งแก้มได้ จึงต้องทาน้ำยาบริเวณเหงือกและกระพุ้งแก้ม เพื่อป้องกันและลดอาการระคายเคือง การฟอกสีฟันจึงไม่ได้ทำให้ฟันบางลง

ฟอกสีฟันต้องทำกี่ครั้ง

ขึ้นอยู่กับประเภทของการฟอกสีฟัน ดังนี้

  • การฟอกสีฟันที่คลินิกโดยทั่วไปแล้วจะทำเพียงครั้งเดียว แต่อาจต้องฟอกซ้ำอีก 1-2 ครั้ง หากต้องการผลลัพธ์ที่ขาวขึ้น โดยแต่ละครั้งอาจใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที
  • การฟอกสีฟันแบบทำเองที่บ้าน สามารถทำได้หลายครั้ง ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของทันตแพทย์ โดยปกติแล้ว จะทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เป็นเวลา 2-4 สัปดาห์ ครั้งละประมาณ 2 ชั่วโมง

โดยผลลัพธ์จากการฟอกสีฟันจะอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากของแต่ละบุคคล หากดูแลรักษาฟันเป็นอย่างดี สีฟันจะขาวอยู่ได้นานขึ้น

ฟอกสีฟันเจ็บไหม

การฟอกสีฟันโดยทั่วไปแล้วไม่เจ็บ แต่อาจมีอาการเสียวฟันเล็กน้อยในช่วงแรกๆ เนื่องจากน้ำยาฟอกสีฟันจะเข้าไปทำลายเม็ดสีที่เกาะติดบนผิวฟัน ซึ่งอาจทำให้ฟันเสียวได้ อาการเสียวฟันนี้มักหายไปเองภายใน 1-2 วัน

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มีฟันผุ เหงือกอักเสบ หรือฟันบิ่น ฟันแตก อาจมีอาการเสียวฟันรุนแรงมากขึ้น ดังนั้น ควรปรึกษาทันตแพทย์ก่อนฟอกสีฟัน เพื่อรับการรักษาอาการต่างๆ ก่อนฟอกสีฟัน

ฟอกสีฟันอยู่ได้นานขนาดไหน

โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ได้ประมาณ 1 ปี แต่ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อาหารที่รับประทานและเครื่องดื่ม นอกจากนั้นแล้วการฟอกสีฟันที่ทำเองที่บ้าน จะอยู่ได้นานกว่าและขาวกว่าการทำที่คลินิก เพียงแต่การทำที่คลินิกจะให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่า

ฟอกสีฟันก่อนจัดฟันได้หรือไม่

สามารถฟอกสีฟันก่อนจัดฟันได้ เพระาการทำฟอกสีฟันไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับการจัดฟัน เพียงแต่ว่าเราต้องดูว่าเราจำเป็นต้องฟอกสีฟันก่อนจัดฟันจริงๆ หรือเปล่า เพราะว่าเวลาจัดฟัน ก็จะต้องติดเครื่องมือจัดฟันลงบนผิวฟัน ทำให้มองไม่ค่อยเห็นว่าฟันขาวขึ้น แถมการจัดฟันก็ใช้เวลานาน 1-2 ปีขึ้นไป พอถอดเครื่องมือ ก็อาจจะต้องมาฟอกสีฟันใหม่อีกครั้ง เหมือนเสียเงินสองรอบ

บทความนี้ตรวจสอบโดย

ทพ. อดิศร หาญวรวงศ์

Adisorn Hanworawong

ทันตแพทยศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Master in Implant Dentistry (gIDE/UCLA CA. USA.)
วท.ม. สาขาวิทยาการแพทย์ (วิศวกรรมเนื้อเยื่อ)
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ประกาศนียบัตร อบรมหลักสูตรจัดฟัน Fellowship of Indian Academy of Orthodontics
Invisalign Cert., Invisalign provider

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้เหล่านี้มีไว้เพื่อช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของคุณได้ดียิ่งขึ้น ข้อมูลที่ได้จะถูกนำไปวิเคราะห์และใช้ในการพัฒนาปรับปรุงเนื้อหา บริการ และการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับคุณ ทั้งนี้ข้อมูลดังกล่าวจะไม่มีการเปิดเผยต่อบุคคลภายนอกและจะถูกเก็บเป็นความลับ

บันทึกการตั้งค่า