รอยขาวขุ่นบนฟัน ที่มันเจอบริเวณรอบๆ ที่ติดเครื่องมือจัดฟันแบบติดแน่น คือ สัญญาณเริ่มต้นของการสูญเสียแร่ธาตุในผิวเคลือบฟัน หรือภาวะผิวเคลือบฟันถูกทำลายระยะเริ่มแรก สาเหตุของการเกิดรอยสีขาวขุ่นนี้คือแบคทีเรียบนฟันปล่อยกรดออกมาทำลายแร่ธาตุแคลเซียมและฟอสเฟตบนฟันของเรา ทำให้ผิวเคลือบฟันเป็นรูพรุนและสะท้อนแสงผิดปกติ รอยขาวขุ่นเหล่านี้ยังไม่ถือว่าเป็นฟันผุลึก แต่ก็เป็นสัญญาณว่าเคลือบฟันบริเวณนั้นอ่อนแอกว่าบริเวณอื่นๆ และอาจกลายเป็นฟันผุได้หากปล่อยไว้
อาการฟันสีขาวขุ่นนี้พบได้มากที่สุดในคนที่จัดฟันแบบติดแน่น เนื่องจากการดูแลทำความสะอาดยากขึ้น มีรายงานว่าประมาณ 50% ของคนไข้จัดฟันจะพบรอยขาวขุ่นบนฟันอย่างน้อยหนึ่งตำแหน่งเมื่อถอดเครื่องมือจัดฟันออก จึงถือได้ว่าเป็นอาการที่พบได้บ่อย และเป็นข้อกังวลเพราะส่งผลต่อความสวยงามของฟันหลังถอดเครื่องมือออก
สาเหตุของรอยขาวขุ่นที่ฟันระหว่างจัดฟัน
เกิดจากการแปรงฟันไม่สะอาด ทำให้มีคราบเศษอาหารหลงเหลืออยู่ และแบคทีเรียที่สะสมบนผิวฟันเปลี่ยนเศษอาหารเหล่านั้นให้กลายเป็นกรด กรดเหล่านี้จะทำลายแร่ธาตุในชั้นเคลือบฟัน โดยเฉพาะแคลเซียมและฟอสเฟต ส่งผลให้โครงสร้างของเคลือบฟันเกิดการสูญเสียแร่ธาตุและมีลักษณะเป็นรูพรุนเล็กๆ ซึ่งทำให้แสงสะท้อนผิดปกติ จึงมองเห็นเป็นรอยด่างสีขาวขุ่นบนผิวฟันได้อย่างชัดเจน
วิธีการรักษารอยขาวขุ่นที่ฟัน
การรักษารอยขาวขุ่นที่ฟันจะเริ่มจากทันตแพทย์จะตรวจสอบดูก่อนว่าเป็นรอยมากขนาดไหน หากเป็นเพียงเล็กน้อยทันตแพทย์สามารถเลือกใช้การทาเสริมฟลูออไรด์ความเข้มข้นสูงลงบนบริเวณที่เป็นรอย ทำให้รอยขาวขุ่นจางลง หากมีรอยขาวขุ่นมากขึ้นมาหน่อยหรือมีการผุเล็กน้อย จะต้องดูว่าตรงกับบริเวณเหล็กจัดฟันหรือไม่ ถ้าหากไม่ตรงกัน สามารถที่จะอุดฟันได้เลยทันที แต่หากอยู่ตรงที่ต้องเอาเครื่องมือจัดฟันออกถึงจะอุดฟันได้ ก็จำเป็นต้องเอาเครื่องมือจัดฟันออกก่อนแล้วรักษาฟันผุก่อน (ซึ่งจะทำให้ระยะเวลาจัดฟันนานขึ้น) และหากผุเยอะจริงๆ ก็อาจจะจำเป็นต้องถอนฟันซี่นั้นออกไป
การรักษาจะเริ่มต้นจากวิธีที่เบาที่สุดก่อนเสมอดังนี้:
- วิธีแรกที่นิยมคือใช้ฟลูออไรด์ความเข้มข้นสูงทาตรงบริเวณที่มีรอยขาวขุ่น เพื่อให้แร่ธาตุกลับเข้าไปสะสมในเคลือบฟัน ทำให้รอยขาวขุ่นค่อยๆ จางลงและเคลือบฟันแข็งแรงขึ้น
- ใช้ผลิตภัณฑ์เสริมแร่ธาตุ เช่น ครีมหรือเจลที่มีส่วนผสมของ Casein Phosphopeptide-Amorphous Calcium Phosphate หรือ CPP-ACP ซึ่งให้แคลเซียมและฟอสเฟตกับผิวฟันโดยตรง ซึ่งช่วยคืนแร่ธาตุให้กับเคลือบฟัน
- ฟอกสีฟัน ใช้ในกรณีที่รอยขายขุ่นมีขนาดเล็กและตื้น วิธีนี้อาจจะไม่สามารถกำจัดรอยออกได้หมด แต่จะช่วยลดความแตกต่างของสีฟันให้สังเกตได้น้อยลง คนไข้สามารถฟอกสีฟันเองที่บ้านได้
- ใช้เรซินเหลว (Resin infiltration) เข้าไปเติมรูพรุนเล็กๆ ภายในรอยขาวขุ่นของเคลือบฟัน เรซินนี้เมื่อแข็งตัวจะมีคุณสมบัติหักเหแสงได้ใกล้เคียงกับฟันปกติ ทำให้รอยจางลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้เรซินยังช่วยปิดช่องว่างไม่ให้กรดและแบคทีเรียเข้าไปขยายรูได้ ถือเป็นการหยุดยั้งไม่ให้รอยขาวขุ่นลุกลามกลายเป็นฟันผุ
- หากรอยขาวขุ่นมีความลึกปานกลาง ทันตแพทย์อาจะใช้วิธี Microabrasion หรือการกรอและขัดผิวเคลือบฟันออกเล็กน้อยตรงที่เป็นรอย ร่วมกับการใช้น้ำยากรดอ่อนๆ และผงขัดละเอียดๆ ทำให้ผิวฟันใหม่เรียบเนียน เหมาะกับรอยที่ตื้นและไม่ลึกถึงชั้นเนื้อฟัน
- หากรอยขาวขุ่นกินพื้นที่เยอะ หรือเป็นมากอาจจะใช้การอุดฟันเพื่อเติมส่วนที่หายไปหรือการทำวีเนียร์และครอบฟัน อย่างไรก็ตามวิธีนี้จะใช้เมื่อเป็นรอยเยอะจริงๆ เท่านั้น
การป้องกันการเกิดรอยขาวขุ่นที่ฟันระหว่างจัดฟัน
ก่อนที่จะทำการจัดฟัน ทันตแพทย์จะทำการเคลียร์ช่องปากให้กับคนไข้ก่อนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการขูดหินปูน ขัดฟัน อุดฟัน ผ่าฟันคุด ฯลฯ เพื่อให้ฟันมีความพร้อมสำหรับการเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่ต้องการโดยไม่มีอุปสรรคอื่นๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่ารอยขาวขุ่นนั้นเกิดขึ้นได้ง่าย ผู้จัดฟันจึงควรทำตามคำแนะนำต่อไปนี้
- แปรงฟันอย่างละเอียดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ครั้งละอย่างน้อย 2 นาที รวมถึงใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ
- เลือกยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ และบ้วนปากด้วยน้ำยาฟลูออไรด์เป็นประจำวันละครั้งหรือบ่อยตามทันตแพทย์แนะนำ ฟลูออไรด์จะช่วยคืนแร่ธาตุสู่เคลือบฟันและป้องกันฟันผุได้
- พยายามอย่าทานอาหารที่หวาน น้ำตาลเยอะ หรือน้ำอัดลมบ่อย เพราะน้ำตาลเป็นอาหารของแบคทีเรียซึ่งจะทำให้ฟันผุง่ายขึ้น
- คนไข้จัดฟันควรจะต้องมาพบทันตแพทย์ตามนัด โดยประมาณ 1-2 เดือนต่อครั้งระหว่างการจัดฟัน เพื่อให้ทันตแพทย์ตรวจและทำความสะอาดฟันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันฟันผุและลดการเกิดรอยสีขาวขุ่น
- หากคนไข้เริ่มมีรอยขาวขุ่นควรแปรงฟันทุกครั้งหลังทานอาหาร (แต่อย่าแปรงฟันหลังอาหารทันที ให้รอประมาณ 30 นาทีก่อน) เพื่อลดการเกิดคราบพลัคให้ได้มากที่สุด