การรักษารากฟันเป็นการรักษาทางทันตกรรมที่ช่วยกำจัดการติดเชื้อภายในโพรงประสาทฟัน (คลองรากฟัน) และรักษาฟันไว้ไม่ต้องถอนทิ้ง เมื่อการรักษาเสร็จสิ้น ฟันซี่ที่ได้รับการรักษาจะถูกอุดด้วยวัสดุอุดฟันหรือใส่ครอบฟันชั่วคราว การรักษารากฟันจะไม่เสร็จในครั้งเดียว ทันตแพทย์จะนัดเข้ามาตรวจเช็คและทำความสะอาด ฆ่าเชื้อซ้ำจนกว่าการติดเชื้อจะหมดไปแล้วจึงค่อยอุดฟันด้วยวัสดุอุดฟันถาวรหรือทำครอบฟัน
หากได้รับการดูแลที่ดี ฟันที่รักษารากฟันแล้วสามารถมีอายุการใช้งานได้ตลอดชีวิตโดยไม่แตกต่างจากฟันธรรมชาติของผู้ป่วย
การดูแลสุขภาพช่องปากหลังรักษารากฟัน
หลังการรักษารากฟันเสร็จสิ้นแล้ว คนไข้ควรรักษาความสะอาดในช่องปากให้ดีเพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ และช่วยให้บริเวณที่ได้รับการรักษาหายเร็วขึ้น โดยสามารถใช้แปรงสีฟันและไหมขัดฟันได้ตามปกติ แต่ให้แปรงเบาๆ บริเวณฟันซี่ที่รักษารากฟันและรอบๆ เหงือกบริเวณนั้น เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนแผลที่กำลังสมานตัว
นอกจากนั้นสามารถใช้น้ำยาบ้วนปากชนิดฆ่าเชื้อโรคหลังทานอาหารเพื่อลดเชื้อแบคทีเรียในระหว่างที่แผลกำลังหายได้ การบ้วนน้ำเกลืออุ่นๆ ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดการอักเสบและทำความสะอาดฟันที่เพิ่งรักษาคลองรากฟันมาได้
อาหารและสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงหลังการรักษารากฟัน
หลังการรักษารากฟันใหม่ๆ คนไข้ควรปรับพฤติกรรมการทานอาหารก่อนประมาณ 1 อาทิตย์ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาได้ ดังนี้:
ทานอาหารที่อ่อนนุ่ม เคี้ยวง่าย : โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 1-2 วันแรก เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ซุป หรืออาหารที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อไม่ให้ฟันที่เพิ่งรักษามาต้องออกแรงเคี้ยวมากๆ เพราะช่วงแรกๆ ความรู้สึกฟันจะไวต่อแรงเคี้ยวอยู่
อย่าเพิ่งทานอาหารหรือน้ำดื่ม จนกว่ายาชาจะหมดฤทธิ์ (ปกติจะหมดในไม่กี่ชั่วโมง) เพื่อป้องกันการเผลอกัดกระพุ้งแก้มหรือลิ้น และป้องกันไม่ให้อาหารหรือเครื่องดื่มที่ร้อนเกินไปไปทำอันตรายในช่องปาก เพราะฤทธิ์ยาชายังอยู่ จะไม่รู้สึกเจ็บอะไร
หลีกเลี่ยงการใช้ฟันซี่ที่รักษามาเคี้ยวอาหารจะกว่าจะบูรณะถาวรเสร็จ เพราะวัสดุอุดฟันชั่วคราวไม่ได้แข็งแรงมาก หากไปใช้เคี้ยวอาหารหนักๆ อาจจะทำให้วัสดุอุดชั่วคราวแตกหรือหลุดได้
หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่แข็งหรือเหนียวมากๆ เช่น ถั่ว ข้าวเหนียว น้ำแข็ง หมากฝรั่ง คาราเมล เพราะอาหารที่แข็งหรือเหนียวจะทำให้วัสดุอุดฟันหลุดหรือแตกได้
หลีกเลี่ยงการทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่ร้อนหรือเย็นจัด เพราะช่วงแรกหลังการรักษาฟันจะยังไวต่ออุณหภูมิอยู่ จะรู้สึกเสียวฟันหรือเจ็บได้
งดสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่รบกวนการหายของแผล เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อซ้ำ
ไม่เอาลิ้นไปดุน ดัน ไม่เอาวัสดุไปแคะแกะบริเวณฟันที่รักษามา เพราะวัสดุอุดชั่วคราวอาจจะเคลื่อนที่หรือเสียรูปได้ อย่างน้อยๆ ก็ประมาณ 1 ชั่วโมง
อาการทั่วไปที่ถือเป็นปกติของการรักษา
- ปวดตึง ระบมเล็กน้อยบริเวณฟันและเหงือกที่รักษา โดยเฉพาะช่วง 2-3 วันแรก และจะค่อยๆ ดีขึ้น หากรู้สึกปวดมากสามารถรับประทานยาแก้ปวดได้
- เสียวฟันเวลากินของร้อนหรือเย็นจัด ในช่วงแรกๆ หลังการรักษาฟันจะยังไวต่ออุณหภูมิอยู่ แต่จะค่อยๆ รู้สึกเสียวน้อยลงเมื่อเวลาผ่านไปและเนื้อเยื่อรอบรากฟันฟื้นตัวดีขึ้น
- รู้สึกเมื่อหรือเจ็บเล็กน้อยบริเวณขากรรไกร เกิดได้จากการต้องอ้าปากค้างเป็นเวลานานขณะทำการรักษารากฟัน เป็นผลจากกล้ามเนื้อถูกใช้งานนานและจะหายไปเองในไม่กี่วัน
- ผู้ป่วยบางคนอาจจะรู้สึกได้ว่าฟันที่ได้รับการรักษามีความรู้สึกที่เปลี่ยนไป มันจะรู้สึกไม่เหมือนเดิมในช่วงแรกๆ ซึ่งเป็นความรู้สึกจากการเปลี่ยนแปลงภายในฟันและเนื้อเยื่อรอบรากฟัน ความรู้สึกแปลกๆ นี้จะค่อยๆ หายไปเอง
อาการที่ไม่ปกติและควรไปพบทันตแพทย์
- อาการปวดรุนแรง ไม่ทุเลาลงใน 2-3 วัน ปวดจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ถือเป็นอาการที่ผิดปกติ ควรรีบปรึกษาทันตแพทย์
- มีอาการบวมที่เห็นได้ชัดเจนบริเวณเหงือกรอบฟันที่รักษาหรือบวมลามไปยังใบหน้า แก้ม ถือเป็นสัญญาณผิดปกติ หลังการรักษารากฟันไม่ควรมีอาการบวมมากขึ้น ควรรีบปรึกษาทันตแพทย์
- หากทันตแพทย์สั่งยาให้ผู้ป่วยแล้วผู้ป่วยแพ้ยา เช่น มีผื่นแดงตามผิวหนัง ลมพิษ คันตามเนื้อตัว ควรหยุดยาและรีบติดต่อทันตแพทย์ทันที
- รู้สึกว่าฟันสบไม่พอดี คนไข้ไม่ควรรู้สึกว่าการสบฟันเปลี่ยนไปมากนัก หากรู้สึกว่าฟันสบไม่เหมือนเดิม รู้สึกระยะสูงต่ำเปลี่ยนไปจากเดิมมากอาจเป็นไปได้ว่าวัสดุอุดฟันอาจต้องปรับแต่งเพื่อให้รู้สึกสบฟันได้เหมือนเดิมมากขึ้น
- วัสดุอัดฟันหรือครอบฟันหลุดทั้งชิ้น ให้รีบบอกทันตแพทย์และกลับมาทำใหม่
- หากผู้ป่วยพบว่าอาการปวดฟันหรืออาการติดเชื้ออื่นๆ ที่เคยมีอยู่ก่อนเข้ารับการรักษารากฟันกลับมาอีกหลังจากที่ทำการรักษาไปแล้ว แสดงว่าอาจมีปัญหาเกิดขึ้นกับฟันซี่นั้น (เช่น ยังมีการติดเชื้อหลงเหลืออยู่)
- มีหนองหรือมีของเหลวไหลออกมาจากบริเวณฟันที่รักษา มีเลือดปนหนอง แปลว่ายังมีการติดเชื้ออยู่ ให้รีบกลับไปรักษาโดยเร็ว
หมายเหตุ: หากผู้ป่วยพบอาการผิดปกติอย่างใดอย่างหนึ่งดังที่กล่าวมาข้างต้น ควรกลับไปพบทันตแพทย์ทันที เพื่อรับการตรวจและรักษาเพิ่มเติม อย่าปล่อยทิ้งไว้นานเพราะอาการจะแย่ลงแน่นอน
ระยะเวลาการฟื้นตัวหลังรักษารากฟัน
คนไข้ส่วนใหญ่จะรู้สึกกลับมาเป็นปกติภายในเวลาไม่เกิน 1 อาทิตย์หลังทำการรักษา อาการเจ็บหรือเสียวฟันเล็กน้อยมักจะทุเลาลงอย่างชัดเจนภายใน 2-3 วันแรก อย่างไรก็ตามระยะเวลาการฟื้นตัวจริงของแต่ละคนจะไม่เท่ากันเพราะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อก่อนรักษา และสภาพร่างกายของคนไข้เอง บางรายอาจยังมีอาการเล็กน้อยหลงเหลืออยู่ได้นานถึงประมาณ 1-2 อาทิตย์ก่อนที่จะหายเป็นปกติดี แต่หากเกินระยะเวลา 1 อาทิตย์แล้วยังคงมีอาการปวดหรืออาการผิดปกติอื่นๆ หรือรู้สึกกังวล ควรติดต่อทันตแพทย์เพื่อตรวจดูอาการอีกครั้ง
นอกจากนี้ หลังทำการรักษารากฟัน คนไข้ส่วนมากสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติแทบจะทันที (เช่น ไปทำงานหรือเรียนได้ในวันถัดมา) เพียงแต่ต้องระมัดระวังเรื่องการรับประทานอาหารและการทำความสะอาดช่องปากให้ดี
หลังจากการรักษารากฟันเสร็จสิ้น ทันตแพทย์มักนัดให้คนไข้กลับมาพบเพื่อบูรณะฟันขั้นสุดท้าย โดยทั่วไปไม่เกิน 1 เดือน เพื่อทำการอุดฟันถาวรหรือทำครอบฟันถาวรบนฟันซี่นั้น คนไข้ควรรีบกลับไปทำเพราะฟันที่ทำการรักษารากฟันแล้วจะมีความเปราะบางมากกว่าปกติ และมีความเสี่ยงที่จะแตกหักหรือเกิดการรั่วซึมของเชื้อโรคกลับเข้าไปในคลองรากฟันได้สูงเมื่อเวลาผ่านไป มีการศึกษาทางคลินิก (https://theendodonticspecialists.com/instructions/endodontic-instructions/post-treatment-instructions-completed-treatment-2 ) พบว่า แม้คลองรากฟันจะถูกอุดแน่นดีแล้ว แต่หากปล่อยฟันซี่นั้นไว้โดยที่วัสดุอุดฟันชั่วคราวหลุดหายไปนานเกิน ประมาณ 3 สัปดาห์ ฟันซี่นั้นก็อาจมีเชื้อแบคทีเรียภายในคลองรากฟันปนเปื้อนขึ้นมาใหม่ได้อีก ดังนั้นจึงไม่ควรปล่อยทิ้งระยะเวลานานเกินไปก่อนจะทำการบูรณะฟันถาวร