แผลร้อนในหรือแผลในปาก คือ แผลตื้นขนาดเล็กที่เกิดขึ้นบนเยื่อบุภายในช่องปาก มักพบตามด้านในแก้มหรือริมฝีปาก ใต้ลิ้น เหงือก หรือเพดานอ่อนของปาก ลักษณะเป็นสีขาวเหลืองล้อมรอบด้วยขอบสีแดงจากการอักเสบ โดยปกติแล้วจะมีขนาดไม่เกิน 1 เซนติเมตร แต่บางครั้งก็สามารถใหญ่ได้ถึง 1 นิ้ว
แผลร้อนในสามารถเกิดได้กับคนทุกวัย แต่พบว่ามักเกิดในช่วงวัยรุ่นจนถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น และพบในเพศหญิงบ่อยกว่าเพศชายเล็กน้อย (เชื่อว่าอาจเกี่ยวข้องกับปัจจัยฮอร์โมน) อีกทั้งผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นแผลร้อนในบ่อยๆ ก็มีโอกาสเกิดแผลร้อนในได้มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นผลจากพันธุกรรมหรือปัจจัยสิ่งแวดล้อมที่คนในครอบครัวนั้นๆ มีร่วมกัน เช่น การแพ้อาหารหรือสารกระตุ้นบางอย่างเหมือนกัน
แผลร้อนในไม่ได้มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ ไม่มีตุ่มน้ำใสหรือสะเก็ดแบบแผลที่เกิดจากโรคเริม แต่จะเป็นแผลเปื่อยตื้นๆ บนผิวที่ทำให้เจ็บแสบเฉพาะบริเวณนั้น อาการมักดีขึ้นและหายได้เองภายใน 1-2 อาทิตย์
สาเหตุของแผลร้อนใน
ปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัดว่าอะไรเป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้เกิดร้อนใน แต่เชื่อว่าน่าจะเกิดจากหลายๆ อย่างรวมกันกระตุ้นให้เป็นแผล เช่น:
- อาการบาดเจ็บในช่องปาก เช่น การกระแทก การแปรงฟันแรงไป การกัดกระพุ้งแก้ม
- สารเคมีที่ทำให้ระคายเคือง เช่น น้ำยาบ้วนปาก ส่วนผสมบางอย่างของยาสีฟัน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ โซเดียมลอริลซัลเฟต (SLS) ซึ่งอาจทำให้เยื่อบุช่องปากระคายและกระตุ้นให้เกิดแผลในบางคน
- อาหารบางอย่าง เช่น ช็อกโกแลต กาแฟ ถั่ว ไข่ ชีส อาหารรสจัด มีกรดสูง เช่น ส้ม สับปะรด มะเขือเทศ
- ขาดวิตามินบี 12 สังกะสี โฟเลต หรือธาตุเหล็ก
- การติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด เช่น Helicobacter pylori ในกระเพาะอาหาร (ซึ่งเป็นเชื้อที่ทำให้เกิดแผลเปื่อยในกระเพาะอาหาร) ก็พบสัมพันธ์กับการเกิดแผลร้อนในในบางกรณี
- การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน โดยเฉพาะผู้หญิงช่วงมีประจำเดือน
- ความเครียดสูง
- โรคอื่นๆ เช่น โรคช่องท้องอักเสบจากภูมิแพ้กลูเตน (celiac disease), โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (ได้แก่ Crohn’s disease และ ulcerative colitis), โรคเบเช็ต (Behcet’s disease) ซึ่งเป็นโรคภูมิคุ้มกันทำให้หลอดเลือดอักเสบทั่วร่างกายรวมทั้งในช่องปาก, ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ที่ร่างกายโจมตีเซลล์เยื่อบุช่องปากของตัวเอง, หรือการติดเชื้อ HIV/AIDS ที่ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำ เป็นต้น
อาการของแผลร้อนใน
แผลร้อนในจะทำให้เกิดอาการแสบ ปวด ชา อาจมีไข้ได้หากเป็นมากมีอาการรุนแรง อาจจะพบแผลเดียวหรือมีหลายแผลกระจายอยู่ในช่องปากก็ได้ ตำแหน่งที่พบบ่อยคือ ด้านในริมฝีปากหรือกระพุ้งแก้ม โคนเหงือก เพดานปากด้านใน ขนาดแผลมักมีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 1 เซนติเมตร รูปร่าง กลม รี
โดยปกติแผลร้อนในจะมีอาการเฉพาะตรงแผลเท่านั้น แต่หากมีอาการอักเสบรุนแรงหรือมีหลายแผลพร้อมกัน ก็อาจมีไข้ต่ำๆ หรือคลำพบต่อมน้ำเหลืองบริเวณขากรรไกรโตและเจ็บเล็กน้อยได้
ประเภทของแผลร้อนใน
ร้อนในแบ่งออกเป็น 3 ชนิดตามขนาดและความรุนแรงดังนี้
- แผลร้อนในขนาดเล็ก (Minor aphthous ulcer): เป็นแบบที่พบได้บ่อยที่สุด (ประมาณ 80% ของผู้ป่วยแผลร้อนใน) เส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 1 เซนติเมตร ตื้น รูปร่างกลมหรือรี ขอบแผลมีสีแดงจากการอักเสบ มีอาการเจ็บปวดปานกลางถึงน้อยเมื่อเทียบกับชนิดอื่น แผลมักหายเองได้ใน 1-2 สัปดาห์ และไม่ทิ้งร่องรอยแผลเป็นหลังการหาย
- แผลร้อนในขนาดใหญ่ (Major aphthous ulcer): พบได้น้อยกว่าแบบแรก แผลมีขนาดใหญ่และลึกกว่า อาจมีเส้นผ่านศูนย์กลางเกิน 1 เซนติเมตร แผลมักมีรูปร่างค่อนข้างกลม แต่ถ้าแผลใหญ่มากขอบอาจดูไม่เรียบได้ ผู้ป่วยมักมีอาการเจ็บปวดรุนแรง อาจต้องใช้เวลา 2-6 สัปดาห์กว่าจะหายสนิทและบ่อยครั้งที่แผลชนิดนี้เมื่อหายแล้วจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้ที่เยื่อบุช่องปาก
- แผลร้อนในชนิดกลุ่ม (Herpetiform ulcer): เป็นชนิดที่พบได้น้อยมาก มักเกิดในวัยผู้ใหญ่ ลักษณะคือมีแผลขนาดเล็กหลายสิบแผลเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน แผลแบบนี้ขอบไม่เรียบและหลายๆ ครั้งจะรวมตัวกันเป็นแผลใหญ่แผลเดียวได้ แม้ชื่อทางการแพทย์ของชนิดนี้จะคล้ายกับเริมแต่ไม่ได้เกิดจากเชื้อไวรัสเริมแต่อย่างใด แผลชนิด herpetiform นี้มักหายเองได้ภายใน 1–2 สัปดาห์ เช่นเดียวกับชนิดเล็ก และจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นหลังหาย
วิธีแยกแผลร้อนในออกจากโรคอื่นๆ
ในช่องปากคนเรานอกจากร้อนในแล้วยังมีโรคอื่นๆ ด้วยที่ทำให้เกิดแผลในปากได้ โดยเฉพาะ เริมที่ริมฝีปาก แผลจากมะเร็งช่องปาก ซึ่งอาจจะมีความคล้ายกันบ้าง จึงจะให้ข้อสังเกตดังต่อไปนี้:
- แผลเริมที่ริมฝีปาก: เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Herpes simplex มักเป็นตุ่มน้ำใสๆ เล็กๆ หลายตุ่มที่ริมฝีปากหรือรอบๆ ตุ่มน้ำเหล่านี้จะแตกออกและกลายเป็นแผลตื้นๆ ก่อนจะมีสะเก็ดปกคลุมในช่วงท้ายๆ ก่อนจะหาย เริมเป็นโรคติดต่อและสามารถแพร่กระจายได้ ส่วนแผลร้อนในจะไม่มีตุ่มน้ำก่อน
- แผลมะเร็งในช่องปาก: มักเป็นแผลเรื้อรังไม่ยอมหายเอง มีลักษณะแข็งและหนากว่าปกติ คลำเป็นก้อนหรือตุ่มนูนใต้แผล อาจเห็นปื้นสีขาวหรือแดงผิดปกติร่วมด้วย แผลมะเร็งมักไม่ค่อยเจ็บในระยะแรกจะกว่าจะขยายใหญ่ขึ้น ข้อสังเกตอีกอย่างคือแผลมะเร็งจะไม่หายไปเองและมีแนวโน้มจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ หรือมีเลือดออกง่าย ดังนั้นหากเจอว่าเป็นแผลที่ปากแล้วไม่หายใน 2-3 สัปดาห์ให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม
การรักษาแผลร้อนใน
แผลร้อนในสามารถหายเองได้ใน 1-2 สัปดาห์ แต่หากต้องการบรรเทาอาการเจ็บปวดสามารถทำได้ดังนี้:
- ใช้ยาชนิดทาเช่น benzocaine หรือยาชาในกลุ่มลิโดเคน จะช่วยลดความเจ็บแผลได้ชั่วคราว
- ใช้ยาสเตียรอยด์เฉพาะที่ หากแผลมีอาการอักเสบมาก อาจใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดทาหรืออมกลั้วปาก เช่น น้ำยาบ้วนปากที่ผสม dexamethasone (สเตียรอยด์) หรือยาขี้ผึ้งสเตียรอยด์สำหรับป้ายแผล (เช่น fluocinonide) ซึ่งยาสเตียรอยด์จะช่วยลดการอักเสบและช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
- น้ำยาบ้วนปากฆ่าเชื้อหรือลดการอักเสบ: เช่น น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของ hydrogen peroxide (น้ำยาฆ่าเชื้อ) หรือน้ำยาคลอร์เฮกซิดีน ซึ่งจะช่วยทำความสะอาดลดเชื้อแบคทีเรียในบริเวณแผล และลดโอกาสการติดเชื้อซ้ำซ้อน ทำให้แผลหายเร็วขึ้น
การป้องกันการเกิดแผลร้อนใน
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ได้รับสารอาหารครบถ้วน โดยเฉพาะวิตามินบี 12 โฟเลต ธาตุเหล็ก สังกะสี
- แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
- หากกำลังจัดฟันอยู่ให้ทาขี้ผึ้งเคลือบลวดจัดฟันเพื่อลดการเสียดสี
- จัดการกับความเครียด