จัดฟันใส Invisalign สำหรับผู้ใหญ่โดยทั่วไปใช้เวลาจัดฟันประมาณ 12-18 เดือน แต่ทั้งนี้ต้องบอกว่าระยะเวลาในการจัดฟันใสไม่ได้ตายตัวเสมอไปและจะแตกต่างกันไปตามความยากง่ายของปัญหาฟันแต่ละคน รวมถึงความร่วมมือของผู้เข้ารับการรักษาเองด้วย
หากเป็นกรณีที่ความผิดปกติของฟันมีเพียงเล็กน้อย เช่น มีฟันเก ฟันซ้อน ฟันห่าง เล็กน้อย อาจใช้เวลาเพียง 6 เดือนก็สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ และผู้เข้ารับการรักษาหลายคนสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของฟันตนเองได้ภายในไม่กี่สัปดาห์แรกของการใส่อุปกรณ์จัดฟันใส
หากเคสนั้นมีความซับซ้อนสูง เช่น ฟันซ้อน เก หรือฟันสบผิดปกติรุนแรง การรักษาก็อาจต้องใช้เวลาประมาณ 18-24 เดือน หรือมากกว่านั้นเพื่อให้ฟันเคลื่อนที่เข้าสู้ตำแหน่งที่ถูกต้องทั้งหมด โดยตัวอย่างจากข้อมูล Invisalign พบว่าเคสที่ปัญหาไม่ซับซ้อนนักมักใช้เวลาประมาณ 6–12 เดือน, เคสปานกลางใช้ 12–18 เดือน, และเคสที่ยากมากอาจใช้ 18 เดือนขึ้นไป จึงจะเสร็จสิ้นการรักษา
นอกจากนั้นคนไข้ควรเข้าใจด้วยว่าการจัดฟันใสจะใช้วิธีให้ฟันเคลื่อนไปทีละนิดด้วยชุดเครื่องมือหลายๆ ชุด ใส่ต่อเนื่องกันไปตามแผนการรักษา ซึ่งคนไข้ก็จะต้องมีวินัยใส่อย่างเคร่งครัดและเปลี่ยนชุดเครื่องมือเป็นประจำทุก 1-2 สัปดาห์ตามที่ทันตแพทย์กำหนด ซึ่งจำนวนชุดเครื่องมือที่จะต้องใช้นั้นจะแปรผันตามความยากง่ายของแต่ละเคส หากเป็นเคสยากก็จะใช้ชุดเครื่องมือจัดฟันใสเยอะ และใช้เวลานานขึ้นตามไปด้วย
อย่างไรก็ตามหากเปรียบเทียบกับการจัดฟันโลหะแบบดั้งเดิม งานวิจัยหลายชิ้น ชี้ว่า Invisalign สามารถทำให้การรักษาเสร็จเร็วกว่าโดยเฉลี่ยราว 5 เดือน เมื่อเทียบในเคสลักษณะใกล้เคียงกัน การจัดฟันใสจึงถือว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงและรวดเร็วกว่า
ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลาการรักษา
ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อระยะเวลาในการรักษามีดังนี้:
- ความซับซ้อนของปัญหาฟัน – ความรุนแรงและลักษณะความผิดปกติของฟันจะเป็นปัจจัยหลักในการกำหนดระยะเวลา หากฟันเรียงตัวผิดปกติเล็กน้อยหรือมีช่องว่างระหว่างฟันนิดเดียว การรักษาก็อาจสามารถทำได้เร็วภายในเวลาประมาณ 6-12 เดือน แต่หากเป็นเคสที่ยากหรือรุนแรง เช่น ฟันซ้อนเกเยอะ หลายซี่ ฟันบิดหมุนมาก หรือมีการสบฟันที่ผิดปกติอย่างชัดเจน การรักษาจะใช้เวลานานขึ้น เพราะการเคลื่อนฟันจำนวนมากหรือตำแหน่งยากๆ ต้องใช้ชุดเครื่องมือมากขึ้นและเคลื่อนทีละน้อยๆ เพื่อความปลอดภัย ซึ่งอาจกินเวลาปีครึ่งหรือสองปีหรือนานกว่านั้น ตามความยากของแต่ละเคส
- อายุของผู้เข้ารับการรักษา – อายุมีผลต่อความเร็วในการเคลื่อนฟัน โดยทั่วไปวัยรุ่นหรือคนที่อายุน้อยกว่ามักจะเห็นผลเร็วกว่าเพราะกระดูกขากรรไกรยังมีความยืนหยุ่นสูง ฟันจึงขยับง่ายกว่า ในทางกลับกันผู้ใหญ่ที่กระดูกขากรรไกรพัฒนาเต็มที่แล้วก็จะใช้เวลานานกว่าเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม Invisalign ก็สามารถจัดฟันผู้ใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน เพียงแต่ต้องเข้าใจว่ากระบวนการอาจจะช้าลงนิดหน่อยเมื่อเทียบกับคนที่อายุน้อยกว่า
- ความร่วมมือในการรักษา – การใส่เครื่องมือจัดฟันใสอย่างเคร่งครัดวันละ 20-22 ชั่วโมงต่อวันเป็นเรื่องจำเป็นมากเพื่อให้ฟันเคลื่อนตามที่ได้วางแผนไว้ เนื่องจากอุปกรณ์จัดฟันใส Invisalign สามารถถอดออกเองได้ วินัยของคนไข้จึงส่งผลโดยตรงต่อระยะเวลาการรักษา หากใส่ไม่ครบชั่วโมงตามกำหนด ถอดแล้วลืม ฟันจะเคลื่อนไม่ต่อเนื่องและทำให้การรักษาช้าออกไป
- จำนวนและความถี่ในการเปลี่ยนชุดเครื่องมือ – แต่ละชุดเครื่องมือของ Invisalign จะค่อยๆ เคลื่อนฟันทีละนิด การรักษาทุกเคสจะต้องประกอบด้วยการใส่ชุดเครื่องมือหลายๆ ชุดต่อเนื่องกัน โดยทั่วไปทันตแพทย์จะกำหนดให้เปลี่ยนชุดเครื่องมือทุกประมาณ 1-2 สัปดาห์ เคสที่ปัญหาน้อยอาจใช้ชุดเครื่องมือจำนวนน้อย (เช่น ไม่ถึง 20 ชุด) ทำให้ระยะเวลารวมสั้นลง ไม่เกินหนึ่งปี ในขณะที่เคสที่ต้องการการแก้ไขมากอาจต้องใช้ชุดเครื่องมือหลายสิบชุด (เช่น 40 ชุดหรือมากกว่า) ซึ่งหากเปลี่ยนทุกสัปดาห์จะใช้เวลาราว 40 สัปดาห์ แต่ถ้าต้องเปลี่ยนทุกสองสัปดาห์ก็จะยืดเป็น 80 สัปดาห์ (ประมาณ 18–20 เดือน) เป็นต้น – ดังนั้นความถี่ในการเปลี่ยนและจำนวนชุดเครื่องมือที่จะต้องใช้ ก็จะเป็นตัวกำหนดระยะเวลาการรักษา
- การเข้าพบทันตแพทย์ตามนัด – การจัดฟันใสจะเข้าพบทันตแพทย์น้อยกว่าการจัดฟันแบบโลหะเพราะไม่ต้องเปลี่ยนยางจัดฟัน แต่คนไข้ก็ควรเข้าไปตามนัดทุก 4-6 สัปดาห์หรือตามที่ทันตแพทย์กำหนด เพื่อให้ทันตแพทย์ติดตามความคืบหน้าและปรับแผนการรักษาหากจำเป็น การ ไม่มาตามนัดหรือละเลยการติดตามผล อาจทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้รับการแก้ไขทันท่วงที และ นำไปสู่การยืดระยะเวลาการรักษาให้นานขึ้นได้ นอกจากนั้นคนไข้ควรดูแลรักษาความสะอาดของฟันและเครื่องมือจัดฟันใสให้ดี ไม่ให้เครื่องมือหายหรือเสียหาย เพราะหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็อาจจะต้องสั่งทำเครื่องมือใหม่ ทำให้ล่าช้าออกไปอีก
วิธีการประเมินระยะเวลาในการรักษา
ทันตแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและบอกระยะเวลาการรักษาได้แม่นยำที่สุด ด้วยการตรวจสภาพฟันและการวางแผนการรักษาผู้ป่วยแต่ละราย ในการปรึกษาจัดฟันครั้งแรกทันตแพทย์จะทำการตรวจช่องปากอย่างละเอียด ถ่ายภาพ X-ray และสแกนฟันสามมิติ (เครื่อง iTero) เพื่อเก็บข้อมูลโครงสร้างฟันและกระดูกขากรรไกรของผู้ป่วย จากนั้นข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำเข้าโปรแกรมคอมพิวเตอร์เฉพาะของ Invisalign เรียกว่า ClinCheck เพื่อใช้ในการวางแผนการรักษา
ซึ่งในโปรแกรม ClinCheck นี้จะช่วยทันตแพทย์ในการกำหนดขั้นตอนการเคลื่อนที่ของฟันทีละขั้นว่าฟันแต่ละซี่จะต้องขยับอย่างไรบ้าง และ คำนวณออกมาว่าจำเป็นต้องใช้ชุดเครื่องมือ Invisalign ทั้งหมดกี่ชุดตลอดการรักษา รวมถึงประมาณการระยะเวลาคร่าวๆ ที่การรักษาจะเสร็จสมบูรณ์
เมื่อแผนการรักษาถูกวางขึ้นมาเสร็จแล้ว ทันตแพทย์จะแจ้งระยะเวลาที่คาดว่าจะใช้ในการจัดฟันใสให้ผู้เข้ารับการรักษาทราบ โดยอ้างอิงจากจำนวนชุดเครื่องมือที่ต้องใช้และความถี่ในการเปลี่ยนชุดเครื่องมือ เช่น หากวางแผนว่าใช้เครื่องมือ 20 ชุด และเปลี่ยนทุกๆ สัปดาห์ ก็แปลว่าจะใช้เวลาในการรักษา 20 สัปดาห์ (5 เดือน) เป็นต้น ทั้งนี้ระยะเวลาที่แจ้งจะรวมช่วงเผื่อสำหรับการปรับแก้เล็กน้อยที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้คนไข้มีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นขณะรักษา
หากใกล้สิ้นสุดเวลาการรักษาแล้วแต่ผลลัพธ์ยังไม่น่าพอใจเต็มที่ เช่น ฟันบางซี่ยังเรียงตัวไม่เข้าที่สมบูรณ์ ทันตแพทย์อาจจะวางแผนชุดเครื่องมือเพิ่มเติม เรียกว่าขั้นตอนการเก็บรายละเอียด (refinement) เพื่อแก้ไขจุดเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจมากขึ้น การจัดชุดเครื่องมือเพิ่มเติมนี้หมายความว่าผู้เข้ารับการรักษาอาจต้องใส่เครื่องมือ Invisalign ต่ออีกระยะหนึ่ง (เช่น เพิ่มอีกไม่กี่เดือน) แต่เป็นการทำเพื่อให้ผลการรักษาออกมาดีที่สุดและฟันเรียงตัวได้สวยงามตามเป้าหมายที่วางไว้
หลังจากการใส่เครื่องมือจัดฟัน Invisalign ครบทุกชิ้นแล้ว คนไข้จะได้รับเครื่องมือคงสภาพฟัน (รีเทนเนอร์) เพื่อคงสภาพฟันที่จัดเสร็จใหม่ๆ ไว้ไม่ให้ฟันเคลื่อนที่ออกจากตำแหน่งที่ต้องการ