การมีสุขภาพช่องปากที่ดีมีความสำคัญกับทุกๆ วัย และยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ เนื่องจากฟันถูกใช้มาอย่างยาวนานหลายปี มีการเกิดฟันผุ ฟันสึก หรือว่าสูญเสียฟันไปจนทำให้เกิดช่องว่างระหว่างฟันขึ้น เพราะฉะนั้นการทำความสะอาดจะต้องเป็นไปอย่างพิถีพิถันมากขึ้นในผู้สูงอายุ
สาเหตุที่ต้องดูแลช่องปากในผู้สูงอายุ
- เพราะการดูแลช่องปากจะส่งผลโดยตรงต่อโภชนาการ การบดเคี้ยวอาหารได้จะทำให้ผู้สูงอายุได้รับสารอาหารได้หลากหลายและครบ 5 หมู่ได้ง่ายยิ่งขึ้น
- การมีฟันที่แข็งแรงสมบูรณ์ ช่วยให้สามารถเข้าสังคมได้อย่างมั่นใจ มีสุขภาพจิตที่ดี สามารถพูดได้ชัด และมีคุณภาพชีวิตที่ดี
- ในทางกลับกัน หากดูแลได้ไม่ดี มีการติดเชื้อในช่องปาก ก็สามารถทำให้การติดเชื้อลามไปอวัยวะอื่นๆ ในร่างกายได้เช่นกัน
ปัญหาสุขภาพช่องปากที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ
เมื่ออายุมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายจะส่งผลให้สุขภาพทางช่องปากแย่ไปตามธรรมชาติ ปัญหาสุขภาพช่องปากของผู้สูงอายุที่พบได้บ่อยมีดังนี้
- น้ำลายน้อย: เกิดจากต่อมน้ำลายทำงานลดลงตามอายุ ผลข้างเคียงจากการทานยาบางชนิดเป็นเวลานาน หรือการฉายรังสี เมื่อน้ำลายน้อยลง ความสามารถในการชะล้างเศษอาหารและควบคุมเชื้อแบคทีเรียจะลดลง ทำให้มีโอกาสเกิดฟันผุและปัญหาในช่องปากได้
- ฟันผุบริเวณคอฟันและรากฟัน: เป็นผลสืบเนื่องมาจากภาวะเหงือกร่น ซึ่งพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ เมื่อเหงือกร่นจะทำให้ส่วนของรากฟันที่ไม่มีเคลือบฟันป้องกันถูกเปิดออก จึงผุได้ง่ายกว่าตัวฟันปกติ
- โรคเหงือกและโรคปริทันต์ (Periodontitis): เกิดจากการสะสมของคราบจุลินทรีย์บริเวณขอบเหงือก หากไม่ทำความสะอาดให้ดีจะนำไปสู่ เหงือกอักเสบ (มีอาการบวมแดง เลือดออกง่าย) และหากปล่อยทิ้งไว้จนรุนแรงจะกลายเป็น โรคปริทันต์ ซึ่งมีการทำลายกระดูกรอบรากฟัน ทำให้ฟันโยก และอาจต้องสูญเสียฟันไปในที่สุด
- ฟันสึกและอาการเสียวฟัน: เพราะฟันเสื่อมไปตามเวลา จากการใช้งานฟันมาเป็นเวลาหลายสิบปี หรือมีพฤติกรรมการนอนกัดฟัน หากฟันสึกมากๆ อาจเกิดคมจนบาดลิ้นและกระพุ้งแก้มได้
- การสูญเสียฟัน: ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการบดเคี้ยวอาหาร ทำให้ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ และยังทำให้ฟันซี่ข้างเคียงล้มเอียงเข้าหาช่องว่างได้
- ปัญหาจากการใส่ฟันปลอม: หากดูแลไม่ถูกวิธีอาจเกิดปัญหาตามมาได้ เช่น ตอนนอนไม่ถอดฟันปลอมออก ทำให้ฟันปลอมไปกดเหงือก, การสะสมของเชื้อราใต้ฐานฟันปลอม, ฟันปลอมหลวม
- มะเร็งในช่องปาก: ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น สามารถเกิดได้หลายตำแหน่ง เช่น ลิ้น กระพุ้งแก้ม สันเหงือก และกระดูกขากรรไกร จึงควรหมั่นสังเกตความผิดปกติในช่องปากเสมอ

แนวทางการดูแลสุขภาพช่องปากด้วยตนเองที่บ้าน
สำหรับผู้สูงอายุโดยทั่วไป
- แปรงฟันวันละอย่างน้อย 2 ครั้ง ด้วยยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ เลือกแปรงที่มีขนนุ่มและมีขนาดด้ามจับที่เหมาะมือ เพราะการจับแปรงจะลำบากขึ้นเมื่อสูงอายุจากปัญหากล้ามเนื้อ หรือจะเลือกใช้เป็นแปรงสีฟันไฟฟ้าก็ได้
- การใช้ไหมขัดฟัน ต้องใช้ให้ไหมขัดฟันโอบล้อมผิวด้านข้างของฟัน แต่ถ้าผู้สูงอายุมีปัญหาเหงือกร่น ก็สามารถใช้แปรงซอกฟันร่วมด้วยได้
- ในกรณีของซี่ฟันที่อยู่ติดกับช่องว่างที่ฟันหายไป สามารถใช้ผ้าก๊อซพับเป็นแถบแล้วโอบไปที่ผิวฟันแล้วทำความสะอาดได้ โดยให้ทำความสะอาดจนชิดขอบเหงือก
- หากมีฟันซี่เดี่ยวๆ ให้เลือกใช้แปรงที่มีขนาดหัวแปรงเล็กลง และทำความสะอาดฟันซี่เดียวๆ นั้น เพราะแปรงหัวใหญ่จะมีโอกาสโดนเหงือกและทำให้เกิดอาการเจ็บแล้วไม่อยากแปรงฟันต่อได้
- น้ำยาบ้วนปากให้เลือกชนิดที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์และไม่มีแอลกอฮอล์เพื่อช่วยป้องกันฟันผุ และไม่แสบปาก
สำหรับผู้สูงอายุที่ใส่ฟันปลอม
ฟันปลอมชนิดถอดได้
- ถอดฟันปลอมทำความสะอาดทุกมื้ออาหาร
- ไม่ใส่ฟันปลอมนอน เพื่อให้เหงือกได้พัก
- แช่ฟันปลอมในน้ำสะอาด ถ้าปล่อยให้ฟันปลอมแบบถอดได้แห้ง ฟันปลอมจะแตกง่าย
- ห้ามแช่ฟันปลอมในน้ำเดือดเพื่อฆ่าเชื้อเพราะทำให้ฟันปลอมบิดเบี้ยวและเสียหายได้
ฟันปลอมชนิดติดแน่น
รากฟันเทียม ดูแลเหมือนฟันธรรมชาติ ใช้แปรงสีฟันและไหมขัดฟันตามปกติ
สะพานฟัน ต้องใช้ super floss เพราะไหมขัดฟันปกติ ไม่สามารถสอดร้อยเข้าไปด้านล่างของสะพานฟันได้
โภชนาการของผู้สูงอายุ
อาหารที่ควรรับประทาน
ให้เน้นอาหารที่มีประโยชน์ โปรตีน ผักผลไม้ที่มีกากใย (ช่วยทำความสะอาดผิวฟัน) และอาหารที่อุดมด้วยแคลเซียมเพื่อบำรุงกระดูกและฟัน
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
- อาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล และของเหนียว เพราะเป็นแหล่งอาหารของเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดฟันผุ
- อาหารที่แข็งเกินไป เช่น น้ำแข็ง, กระดูกอ่อน, ถั่วเปลือกแข็ง เพราะเสี่ยงทำให้ฟันแตกหรือบิ่นได้
- เครื่องดื่มที่มีฤทธิ์เป็นกรดและมีน้ำตาลสูง: เช่น น้ำอัดลม รวมถึงชาและกาแฟที่อาจส่งผลต่อสีฟัน
นอกจากนั้นควรดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อช่วยลดภาวะปากแห้งและชะล้างเศษอาหารในช่องปาก งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคเหงือกและมะเร็งช่องปาก
ความสำคัญของการพบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
- ในผู้สูงอายุการตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำถือเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพ เพราะปัญหาหลายอย่างมักไม่แสดงอาการตอนเริ่มต้น ควรไปพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน เป็นการดูแลเชิงป้องกัน ทันตแพทย์จะตรวจเช็คสุขภาพฟันดังนี้
- ตรวจหาฟันผุ บริเวณซอกฟันและรากฟันที่มองเห็นได้ยาก
- ประเมินสภาพของวัสดุอุดฟัน(ถ้ามี) ว่ามีการแตก รั่ว ซึม บิ่น หรือไม่ เพราะอาจทำให้เกิดฟันผุซ้ำได้
- ขูดหินปูนและกำจัดคราบจุลินทรีย์
- ประเมินภาวะเหงือกอักเสบ ดูสีของเหงือก
- ตรวจหาโรคปริทันต์ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการสูญเสียฟันในผู้สูงอายุ ตรวจวัดความลึกร่องเหงือก
- คัดกรองมะเร็งในช่องปาก หากตรวจเจอตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจะเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายได้
- สำหรับคนที่ใส่ฟันปลอม สันเหงือกและกระดูกขากรรไกรจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้ฟันปลอมที่เคยพอดี อาจหลวมหรือไม่แนบสนิทได้ ทันตแพทย์จะช่วยปรับแก้ให้พอดี เพื่อป้องกันแผลจากการโดนฟันปลอมกดทับ