จัดฟันใสยี่ห้อไหนดี วิธีเลือกยี่ห้อจัดฟันใสแบบต่างๆ

การจัดฟันแบบใส (Clear Braces หรือ Clear Aligner) กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นทางเลือกในการจัดฟันที่มองไม่เห็นเหมือนเหล็กจัดฟันแบบดั้งเดิม ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ที่ต้องการยิ้มสวยโดยไม่ต้องเขินอาย นอกจากนี้ การจัดฟันใสยังสะดวกสบาย สามารถถอดใส่ได้ง่ายในระหว่างรับประทานอาหารหรือแปรงฟัน อุปกรณ์จัดฟันใสทำจากพลาสติกชนิดพิเศษที่มีความใสทำให้มองเห็นได้ยากมากว่ากำลังจัดฟันอยู่ อุปกรณ์มีหลายชุดที่จะค่อยๆ ปรับการเรียงตัวของฟันอย่างต่อเนื่อง จนกว่าฟันจะเข้าที่อย่างสมบูรณ์

ด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นของการจัดฟันใส ทำให้มียี่ห้อจัดฟันใสให้เลือกมากมายในท้องตลาด แต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติ ราคา และการบริการที่แตกต่างกันออกไป ทำให้ผู้ที่สนใจจัดฟันใสอาจเกิดความสงสัยว่าควรเลือกยี่ห้อไหนดี บทความนี้จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ 5 ยี่ห้อจัดฟันใสยอดนิยม พร้อมวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียในทุกๆ ด้าน เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกแบรนด์ที่ตอบโจทย์ความต้องการและงบประมาณของคุณได้ดีที่สุด

ยี่ห้อการจัดฟันใสดังๆ ในไทย

1. Invisalign

invisalign brand

Invisalign เป็นแบรนด์จัดฟันใสชั้นนำจากสหรัฐอเมริกาที่ได้รับความนิยมและความไว้วางใจจากลูกค้าทั่วโลก โดยเริ่มมาตั้งแต่ปี 1999 รวมถึงในประเทศไทยด้วย Invisalign ถูกคิดค้นโดยบริษัท Align Tech ซึ่งใช้เทคโนโลยีการจำลองภาพ 3 มิติด้วยคอมพิวเตอร์ในการออกแบบชุดอุปกรณ์จัดฟันที่เหมาะสมสำหรับคนไข้แต่ละคน

Invisalign สามารถแก้ไขปัญหาฟันได้หลากหลาย ตั้งแต่ระดับเล็กน้อยไปจนถึงปัญหาที่ซับซ้อน โดยมี package การรักษาให้เลือกดังนี้

  • Invisalign Express หรือ i7 – เหมาะสำหรับแก้ปัญหาฟันซ้อนเก 1-2 ซี่หรือผู้ที่เคยจัดฟันแต่ไม่ใส่รีเทนเนอร์ ใช้อุปกรณ์ประมาณ 7 ชุด ใช้เวลา 2-3 เดือน ราคาประมาณ 70,000 บาท
  • Invisalign Lite – เหมาะสำหรับแก้ปัญหาฟันห่าง ซ้อนเก ในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง ใช้อุปกรณ์ 8-14 ชุด ใช้เวลาประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ค่าใช้จ่ายประมาณ 129,000 บาท
  • Invisalign Go – เหมาะสำหรับแก้ปัญหาฟันซ้อนเกระดับไม่มาก เช่น จัดแต่ฟันหน้า ค่าใช้จ่ายประมาณ 74,000 บาท
  • Invisalign Essential – เหมาะสำหรับแก้ปัญหาฟันผิดปกติระดับปานกลางถึงมาก ใช้อุปกรณ์ไม่เกิน 20 ชุด ใช้เวลา 1-2 ปี ค่าใช้จ่ายประมาณ 89,000 บาท
  • Invisalign Full Comprehensive – เหมาะสำหรับปัญหาฟันซับซ้อนมาก สามารถจัดฟันยากๆ หรือเคสที่ต้องการความปราณีตมาก สามารถจัดได้ไม่จำกัดจำนวนชิ้นเครื่องมือในระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 5ปี ราคาประมาณ 145,000 บาท

Invisalign เป็นทางเลือกที่ดีและนิยมมากๆ ในการแก้ไขฟันให้เรียงตัวสวยงามโดยไม่สังเกตเห็นอุปกรณ์จัดฟัน ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าและมีแผนการรักษาที่หลากหลาย

ที่ MOS Dental Clinic เราได้รับรางวัลเป็นระดับ Diamond ที่เป็นระดับที่สูงที่สุดเท่าที่มีในประเทศไทย ที่บริษัทผู้ผลิต Invisalign มอบให้มาต่อเนื่องทุกปีตั้งแต่ปี 2018 จนถึงปัจจุบัน

2. Dr Clear Aligners

dr clear aligners brand

Dr Clear Aligners เป็นแบรนด์จัดฟันใสนำเข้าจากประเทศสิงคโปร์ ที่เชี่ยวชาญในการแก้ไขปัญหาการจัดเรียงฟันระดับง่ายถึงปานกลาง เช่น ฟันซ้อนเก ฟันยื่น ฟันห่าง ฟันไม่สบ ฟันสบไขว้ ฟันกัดล่างคร่อม ฟันบนคร่อม และฟันสบเปิด โดยใช้เทคโนโลยีการสแกนฟันสามมิติล่าสุด ร่วมกับการออกแบบแผนการรักษาเฉพาะบุคคลโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดฟันใส เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และสามารถเห็นภาพจำลองผลการรักษาล่วงหน้าได้

อุปกรณ์จัดฟัน Dr Clear Aligners ผลิตจากวัสดุ Zendura FLX คุณภาพพรีเมียมนำเข้าจากเยอรมนี มีคุณสมบัติโปร่งใส น้ำหนักเบา ยืดหยุ่น และถอดใส่ได้ง่าย ช่วยให้การใช้ชีวิตประจำวันสะดวกสบายขึ้น เพราะสามารถถอดอุปกรณ์ออกได้เวลารับประทานอาหาร การจัดฟันด้วย Dr Clear Aligners จึงไม่เจ็บมาก เพียงใช้วิธีกรอฟัน IPR เพื่อเพิ่มระยะห่างระหว่างฟัน โดยไม่ต้องถอนฟันหรือพักฟื้น ทำให้สามารถจัดฟันได้อย่างสวยงามภายในระยะเวลา 6-9 เดือน

นอกจากบริการจัดฟันใสแล้ว Dr Clear Aligners ยังให้บริการทางทันตกรรมแบบครบวงจร ทั้งอุดฟัน ถอนฟัน รักษารากฟัน ทำฟันปลอม และมีผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพช่องปากอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น แปรงสีฟันไฟฟ้า ชุดฟอกฟันขาว และยาสีฟันสูตรมินต์

จุดเด่นของแบรนด์ Dr Clear Aligners คือ ราคาย่อมเยา เริ่มต้นเพียง 29,500 บาท เท่านั้น

3. Zenyum

zenyum brand

Zenyum เป็นแบรนด์จัดฟันใสที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ด้วยบริการที่ครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงการดูแลหลังการรักษา ปัจจุบัน Zenyum มีสาขาใน 9 ประเทศทั่วเอเชีย และช่วยแก้ปัญหาฟันให้ลูกค้าไปแล้วกว่า 80,000 เคส

จุดเด่นของ Zenyum คือ การร่วมมือกับ Structo บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้าน 3D printing ทางทันตกรรมในสิงคโปร์ และมีทีมทันตแพทย์จากสิงคโปร์คอยกำกับดูแลมาตรฐานการรักษาร่วมกับทันตแพทย์ไทยในคลินิกพาร์ทเนอร์ จึงมั่นใจได้ว่ามาตรฐานการรักษาของ Zenyum จะเหมือนกันในทุกคลินิกและทุกประเทศ

นอกจากนี้ Zenyum ยังมีแอปพลิเคชันที่ช่วยให้การติดตามผลการรักษาเป็นเรื่องง่าย ผู้ใช้สามารถอัปเดตรูปภาพฟันก่อนเปลี่ยนไปใส่อุปกรณ์ชุดถัดไป มีการแจ้งเตือนให้เปลี่ยนชุดตรงเวลา และมีทีมบริการหลังการขายคอยดูแลอย่างใกล้ชิด

Zenyum มีแผนการรักษา 2 แบบ ได้แก่

  • ZenyumClear™ เหมาะสำหรับแก้ไขปัญหาฟันซ้อนเล็กน้อยถึงปานกลาง ฟันยื่น และช่องว่างระหว่างฟัน โดยใช้เวลารักษา 3-9 เดือน ราคาเริ่มต้นที่ 67,000 บาท
  • ZenyumClear™ Plus เหมาะสำหรับแก้ไขปัญหาฟันซ้อนระดับปานกลางถึงซับซ้อน ปัญหาการสบฟัน และช่องว่างระหว่างฟัน อาจมีการถอนฟันร่วมด้วยหากจำเป็น ใช้เวลารักษา 9-15 เดือน ราคา 99,000-150,000 บาท

ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทีมทันตแพทย์ที่เชี่ยวชาญ และการบริการที่เป็นเลิศ ทำให้ Zenyum เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการจัดฟันใสอย่างมีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม

4. BeforeDent

beforedent brand

Beforedent เป็นแบรนด์อุปกรณ์จัดฟันใสสัญชาติไทยที่ใช้วัสดุคุณภาพสูงนำเข้าจากเยอรมนี ปราศจากสารโพลีคาร์บอเนต (BPA) ที่อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อสุขภาพ เช่น โรคมะเร็ง เบาหวาน โรคหัวใจ และความผิดปกติของเซลล์ประสาท Beforedent มุ่งเน้นการควบคุมต้นทุนการผลิตเพื่อให้ได้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูง แต่ราคาย่อมเยาเอื้อมถึงได้ โดยเริ่มต้นเพียง 37,000 บาท

Beforedent ช่วยให้การจัดฟันใสเป็นเรื่องง่าย สะดวก และไม่เจ็บ ผู้ใช้สามารถดูแลความเรียงของฟันได้ด้วยตนเองที่บ้าน ไม่จำเป็นต้องเข้าพบทันตแพทย์บ่อยครั้ง เพราะสามารถรับอุปกรณ์ไปเปลี่ยนเองได้ โดยมีแผนการรักษาให้เลือก 3 รูปแบบ ได้แก่

  • Lite Plan – ใส่อุปกรณ์ทั้งกลางวันและกลางคืนรวมแล้วมากกว่า 22 ชั่วโมง เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการจัดฟัน ราคาเริ่มต้นที่ 37,000 บาท
  • Night Plan – ใส่อุปกรณ์เฉพาะช่วงกลางคืนนาน 10 ชั่วโมง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่ ราคาเริ่มต้นที่ 49,000 บาท
  • Pro Plan – ใส่อุปกรณ์ทั้งกลางวันและกลางคืนประมาณ 22 ชั่วโมง พร้อมอุปกรณ์ยึดติดเพื่อช่วยขยับฟันได้ดียิ่งขึ้น ราคาเริ่มต้นที่ 50,000 บาท

5. Crystal Smile

crystal smile brand

Crystal Smile เป็นแบรนด์อุปกรณ์จัดฟันใสที่ใช้วัสดุคุณภาพสูงนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา แต่นำมาผลิตในห้องแล็บของบริษัทที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย ณ ตึก MedAsia Healthcare Complex ซอยสุขุมวิท 5 ซึ่งช่วยลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการผลิต แต่ยังคงรักษามาตรฐานเทียบเท่ากับแบรนด์ชั้นนำอื่น ๆ

Crystal Smile ใช้เทคโนโลยีการออกแบบ 3 มิติเช่นเดียวกับแบรนด์จากอเมริกา โดยอิงแผนการรักษาของทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นหลัก อุปกรณ์จัดฟันมีสีใสเนียนกลมกลืนไปกับฟัน สามารถถอดเก็บได้ง่ายเวลารับประทานอาหารหรือแปรงฟัน

Crystal Smile มีโปรแกรมจัดฟัน 2 แบบ คือ

  • Crystal Smile Moderate – เหมาะสำหรับแก้ไขปัญหาฟันซ้อนเก ฟันยื่น หรือฟันเรียงตัวไม่สวยในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง เป็นโปรแกรมยอดนิยมที่สามารถทดแทนการจัดฟันแบบติดเหล็กได้ ใช้อุปกรณ์จัดฟัน 11-20 ชุด ใช้เวลาประมาณ 3-10 เดือน
  • Crystal Smile Comprehensive – เหมาะสำหรับแก้ไขปัญหาฟันที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น ฟันสบคร่อม ฟันสบลึก หรือมีการถอนฟันร่วมด้วย ใช้อุปกรณ์จัดฟันตั้งแต่ 21 ชุดขึ้นไป ใช้เวลาประมาณ 11 เดือนถึง 2 ปี เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่เคยจัดฟันมาก่อน

จุดเด่นของ Crystal Smile คือ เป็นแบรนด์คนไทยที่ให้บริการในราคาเริ่มต้นเพียง 39,000 บาท ซึ่งถือว่าย่อมเยาเมื่อเทียบกับคุณภาพที่ได้รับ และทันตแพทย์ผู้ชำนาญดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดการรักษา

วิธีเลือกยี่ห้อที่เหมาะกับตัวเอง

  • ทันตแพทย์ – ไม่ว่าจะเลือกจัดฟันใสยี่ห้ออะไร ทันตแพทย์จะเป็นคนที่เราต้องปรึกษาและพูดคุยตลอดการรักษาอย่างน้อยเป็นเวลา 6 เดือนหรีอจนกว่าการรักษาจะเสร็จ ควรเลือกทันตแพทย์ที่มีประสบการณ์จริงในการจัดฟันใส เพราะจะมีอุปกรณ์และเครื่องมือหลายอย่างที่มีลักษณะเฉพาะและต้องการความชำนาญในการทำ นอกจากนั้นทันตแพทย์ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพด้วย
  • ความยากง่ายของการจัดฟัน – หากมีฟันซ้อน ฟันเก เยอะหลายตำแหน่งหรือดูแล้วเป็นเคสที่ยากควรเลือกจัดฟันใสชนิดที่สามารถทำเคสยากๆ ได้ เพราะจัดฟันใสแต่ละยี่ห้อแตกต่างกัน บางยี่ห้อสามารถจัดฟันได้เพียงเคสง่ายถึงปานกลางเท่านั้น ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อให้ทราบได้ว่าฟันของเราถ้าจะจัดด้วยยี่ห้อต่างๆ จะสามารถทำได้หรือไม่
  • ราคา – แน่นอนว่าราคาขึ้นอยู่กับแบรนด์เป็นหลัก ถ้าเป็นแบรนด์ดังๆ ก็จะราคาแพงกว่าเนื่องจากน่าเชื่อถือกว่า อยู่มานานกว่า บริษัทมีประสบการณ์กับเคสต่างๆ มากกว่า แต่ถ้าสภาพฟันของคนไข้ไม่ได้จัดฟันยาก เป็นเคสง่ายๆ จริงๆ แล้วก็สามารถเลือกแบรนด์ที่อาจจะไม่ได้มีชื่อเสียงเท่า แต่ราคาถูกกว่าก็ได้ เพราะฟันเราไม่ได้จัดยากหรือซับซ้อนมาก จะใช้ของที่เป็นที่รู้จักน้อยกว่าแต่สามารถจัดฟันได้ถูกต้องก็ถือว่าใช้ได้แล้ว
  • การดูแลหลังการขาย – สำคัญมากเพราะจะต้องอยู่กับเราไปจนกระทั่งเราจัดฟันเสร็จ หากมีคำถาม ปัญหา หรือมีอุปกรณ์ชำรุดเสียหาย จำเป็นต้องดูว่ามีบริการอะไรหลังการขายบ้างเพื่อให้การจัดฟันของเราไม่สะดุด
  • ทำเลที่ตั้งและเวลาทำการ – ควรเลือกคลินิกที่เดินทางสะดวก มีที่จอดรถ และมีเวลาทำการที่เหมาะสมกับตารางเวลาของเรา

 

บทความนี้ตรวจสอบโดย

ทพ. อดิศร หาญวรวงศ์

Adisorn Hanworawong

ทันตแพทยศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Master in Implant Dentistry (gIDE/UCLA CA. USA.)
วท.ม. สาขาวิทยาการแพทย์ (วิศวกรรมเนื้อเยื่อ)
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ประกาศนียบัตร อบรมหลักสูตรจัดฟัน Fellowship of Indian Academy of Orthodontics
Invisalign Cert., Invisalign provider

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้เหล่านี้มีไว้เพื่อช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของคุณได้ดียิ่งขึ้น ข้อมูลที่ได้จะถูกนำไปวิเคราะห์และใช้ในการพัฒนาปรับปรุงเนื้อหา บริการ และการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับคุณ ทั้งนี้ข้อมูลดังกล่าวจะไม่มีการเปิดเผยต่อบุคคลภายนอกและจะถูกเก็บเป็นความลับ

บันทึกการตั้งค่า