การจัดฟันเด็ก คือ กระบวนการทางทันตกรรมที่ใช้ในการปรับแก้ไขตำแหน่งและการเรียงตัวของฟันในเด็ก เพื่อปรับให้ฟันและขากรรไกรอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง เพื่อลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เช่น ฟันเก ฟันห่าง ฟันซ้อน รวมถึงปัญหาที่เกี่ยวกับการบดเคี้ยวและการออกเสียงด้วย
ทำไมเด็กถึงต้องจัดฟัน?
การจัดฟันเด็กจำเป็นหรือไม่นั้น จริงๆ แล้วเป็นเรื่องที่ขึ้นกับตัวผู้ปกครอง เพราะหากฟันเด็กไม่ได้มีปัญหามากผู้ปกครองสามารถเลือกที่จะไม่จัดฟันให้บุตรหลานก็ได้ แต่หากทันตแพทย์จัดฟันเด็กพิจารณาแล้วว่าฟันมีความผิดปกติและต่อไปน่าจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต ก็จะแนะนำให้จัดฟันเพื่อป้องกันและแก้ปัญหาเหล่านั้นล่วงหน้าเลย
อาการแบบไหนควรจัดฟัน
หากผู้ปกครองสังเกตเจอว่าน้องๆ มีอาการเหล่านี้ ก็อาจเข้าข่ายที่ควรได้รับการจัดฟันเพื่อแก้ไขเบื้องต้น โดยทันตแพทย์จะเป็นผู้ประเมินความเหมาะสม
- เด็กมีอาการหายใจทางปาก มีการกลืนที่ผิดปกติ
- เด็กมีปัญหาในการบดเคี้ยวอาหาร
- มีฟันสบคร่อม คางยื่นผิดปกติ
- ฟันบนและฟันล่างสบกันไม่พอดี
- ฟันยื่น ฟันห่าง เรียงตัวไม่สวยงาม
- ฟันน้ำนมหลุดก่อนเวลาอันควร
อายุเท่าไหร่ถึงเริ่มจัดฟันได้
อายุที่ต่ำที่สุดที่สามารถเริ่มจัดฟันได้คือ 4-5 ขวบ หากมีปัญหาจริงๆ ไม่จำเป็นต้องรอให้ฟันแท้ขึ้นก่อน สามารถเข้ามาปรึกษาคุณหมอได้เลย เพราะในกรณีที่เด็กมีนิสัยชอบกัดนิ้ว ดูดนิ้ว กัดเล็บ ชอบแทน เอาลิ้นดันฟัน นิสัยเหล่านี้จะทำให้ฟันหน้ายื่นออกมา รวมถึงขากรรไกรก็อาจยื่นออกมาทำให้เกิดปัญหาด้วย นอกจากนั้นหากคุณพ่อคุณแม่มีลักษณะขากรรไกรที่เหยิน ลักษณะเช่นนี้ก็มักจะถูกถ่ายทอดทางพันธุกรรมทำให้ลูกมีโอกาสที่จะขากรรไกรเหยินไปด้วย ถ้าคุณพ่อคุณแม่เริ่มสังเกตเห็นว่าขากรรไกรลูกเริ่มเหยิน ก็รีบพามาหาทันตแพทย์ได้เลย
แต่ในกรณีทั่วๆ ไปการจัดฟันในเด็กสามารถแบ่งได้เป็น 2 ช่วง ช่วงแรกคือช่วงอายุ 6-11 ปี และช่วงที่สองคือช่วง 12 ปีขึ้นไป
สำหรับช่วง 6-11 ปี จะเป็นช่วงที่เรียกว่าฟันชุดผสม (Mixed Dentition) ซึ่งมีทั้งฟันน้ำนมและฟันแท้ผสมกัน ปัญหาอาจจะเริ่มตั้งแต่ฟันกรามซี่แรกที่ขึ้นมาในปากซึ่งอาจจะกลายเป็นฟันคุดอยู่ในฟันกรามน้ำนม หรืออาจจะมีปัญหาฟันห่าง ฟันซ้อนเก ฟันแท้ขึ้นไม่ได้ ฟันบนยื่น หรือฟันล่างคร่อมบน ปัญหาเหล่านี้จะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับฟันแท้เฉพาะตำแหน่งเท่านั้น ข้อดีของการจัดฟันในช่วงวัยนี้ คือช่วยลดความผิดปกติของการสบฟัน และสามารถลดความรุนแรงที่จะเกิดในระยะฟันแท้ได้ด้วย และเป็นการเตรียมพื้นที่สำหรับฟันแท้ให้ขึ้นได้อย่างเหมาะสม
สำหรับช่วง 12 ปีขึ้นไป จะเป็นระยะที่เริ่มมีแต่ฟันแท้ ปัญหาจะคล้ายคลึงกับช่วงก่อนหน้า แต่การแก้ไขจะซับซ้อนกว่าเพราะแทนที่จะต้องเรียงฟันแค่บางซี่ จะกลายเป็นต้องเรียงทุกซี่ให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมและสบฟันได้ดี
การจัดฟันในวัยเด็กถึงวัยรุ่นจะดีกว่าจัดฟันในผู้ใหญ่ เพราะในผู้ใหญ่เราจะสามารถเปลี่ยนโครงหน้าได้แค่โครงหน้าส่วนล่างเท่านั้น แต่ถ้าจัดฟันในวัยเด็กวัยรุ่น จะสามารถจัดฟันเพื่อปรับทั้งโครงกะโหลกศีรษะทั้งหมด เช่น หากช่วงตรงกลางหน้ายุบมากเกินไปเราก็จะสามารถปรับให้ออกมาได้ ช่วงคางที่ยื่นเกินไป คางเล็กเกินไป ก็สามารถปรับให้สมดุลได้ ง่ายกว่าในวัยผู้ใหญ่
ประเภทของการจัดฟันสำหรับเด็ก
การจัดฟันให้เด็กสามารถแบ่งหลักๆ ได้เป็น 2 ประเภทคือ การจัดฟันแบบติดแน่น และการจัดฟันแบบถอดได้
การจัดฟันแบบติดแน่น
สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
- จัดฟันโลหะ เป็นรูปแบบที่เห็นได้ทั่วไป คือมีการติดเครื่องมือจัดฟันลงบนผิวฟัน ใช้ยางรัดลวดจัดฟันเข้ากับเครื่องมือ ไม่สามารถถอดเครื่องมือชนิดนี้ออกเองได้ ข้อดีคือมีราคาถูกที่สุด แต่ข้อด้อยคือ มองเห็นชัดว่ากำลังจัดฟัน และมีอาการปวดฟันตึงฟัน
- จัดฟันเซรามิก เป็นรูปแบบการจัดฟันที่เหมือนกับการจัดฟันโลหะ แต่จะเปลี่ยนจากการใช้เครื่องมือจัดฟันที่ทำจากโลหะเป็นทำจากเซรามิกแทน สีของเซรามิกจะใกล้เคียงกับสีของฟัน ทำให้มองไม่ค่อยเห็นว่ากำลังจัดฟันอยู่ เหมาะกับน้องๆ ที่ไม่อยากให้คนมองเห็นว่ากำลังจัดฟัน หรือคนที่มีอาการแพ้โลหะ
- จัดฟันแบบ Self-ligating เป็นการจัดฟันที่ติดตั้งเครื่องมือบนผิวฟันเช่นกัน แต่จะไม่มียางรัด ใช้เครื่องมือล็อคลวดจัดฟันแทนยาง ข้อดีคือจะจัดฟันเสร็จเร็วกว่า รู้สึกปวดตึงน้อยกว่า ฟันเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่ต้องการได้เร็วกว่า มีสองยี่ห้อให้เลือกคือจัดฟันดามอน และจัดฟันด้วย Smart Clip จาก 3M

หมายเหตุ ที่ MOS Dental Clinic มีคุณหมอที่จัดโปรโมชั่นจัดฟันเด็กเริ่มต้นที่ 1,500×24 เดือนด้วยค่ะ
การจัดฟันแบบถอดได้
เป็นการจัดฟันรูปแบบที่ใหม่กว่า เรียกว่าการจัดฟันแบบใส มีลักษณะเป็นพลาสติกชนิดพิเศษสีใส ออกแบบมาเพื่อเด็กคนนั้นๆ โดยเฉพาะ มีข้อดีหลายอย่าง เช่น สามารถถอดออกได้ ทำให้ทำความสะอาดง่ายกว่าการจัดฟันปกติ, ลดความเจ็บปวดจากการติดตั้งเครื่องมือจัดฟันแบบติดแน่น เป็นต้น การใช้เครื่องมือจัดฟันชนิดนี้ จะค่อยๆ ทยอยใส่เรียงเป็นลำดับไป เพื่อให้ฟันค่อยๆ เคลื่อนไปตามที่ทันตแพทย์ได้วางแผนการรักษาไว้ ข้อด้อยคือมีราคาค่อนข้างสูง
การเตรียมตัวก่อนจัดฟันให้เด็ก
- พูดคุยกับเด็กให้เข้าใจ ไม่ให้เกิดความกลัว ว่าการไปหาหมอไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เพื่อลดความวิตกกังวลให้กับเด็ก
- เลือกคลินิกที่สะดวกเดินทาง (ที่ MOS Dental มีทั้งหมด 31 สาขา)
- เข้าปรึกษาทันตแพทย์ ให้ทันตแพทย์ประเมินการรักษา แจ้งทันตแพทย์หากเด็กมีโรคประจำตัว หรือแพ้ยาใดๆ
- ทันตแพทย์จะตรวจภายในช่องปากเพื่อหาความผิดปกติ หากมีหินปูน ฟันผุ ก็จะต้องทำการรักษาก่อนจัดฟัน
- ทันตแพทย์จะแนะนำขั้นตอนการรักษา ค่าใช้จ่าย รวมถึงการจัดฟันที่เหมาะสมสำหรับเด็กคนนั้นๆ
- วางแผนค่าใช้จ่าย เพราะการจัดฟันมักใช้เวลาประมาณ 1-2 ปี
- นัดหมายวันเวลาเพื่อทำการจัดฟัน
ขั้นตอนการจัดฟันในเด็ก
ขั้นตอนการจัดฟันกรณีจัดฟันแบบติดแน่น
- หากมีคราบหินปูนหรือมีฟันผุ จะต้องทำการเคลียร์ช่องปากก่อน
- ทันตแพทย์จะทำการขัดผิวฟันให้สะอาด และเป่าฟันให้แห้ง
- ใช้กรดกัดผิวฟันและล้างออก เพื่อให้ผิวฟันเหมาะกับการติดตั้งเครื่องมือจัดฟัน
- ทากาวที่เครื่องมือจัดฟัน (เรียกอีกอย่างว่า แบร็คเก็ต) และติดแบร็คเก็ตลงบนผิวฟัน
- ฉายแสงเพื่อให้กาวแข็งตัว
- ใส่ลวดจัดฟันและยางจัดฟัน (ในกรณีที่เลือกการจัดฟันแบบโลหะ)
- หากเป็นกรณีซับซ้อนจะต้องติดตั้งเครื่องมืออื่นๆ ด้วย
ขั้นตอนการจัดฟันกรณีจัดฟันแบบถอดได้
- ทำการเคลียร์ช่องปาก และสแกนฟัน 3 มิติด้วยเครื่องสแกน iTero
- ทำการวางแผนการจัดฟันด้วยโปรแกรม ClinCheck เพื่อทำแบบจำลองการเคลื่อนตัวของฟันในช่วงต่างๆ ของการจัดฟัน
- ผู้ปกครองจะสามารถเห็นได้ตั้งแต่ก่อนเริ่มจัดฟัน ว่าฟันของเด็กจะเคลื่อนที่ไปอย่างไร
- ส่งแบบจำลองไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อผลิตเครื่องมือจัดฟันใส และส่งกลับมาที่คลินิกเพื่อใช้สำหรับจัดฟันต่อไป
ระยะเวลาในการจัดฟันเด็ก
ระยะเวลาในการจัดฟันเด็กโดยทั่วไปจะอยู่ที่ 12-24 เดือน โดยปัจจัยที่จะทำให้เวลาในการจัดฟันแตกต่างกันได้แก่ ความซับซ้อนของฟัน อายุของเด็ก การเจริญเติบโตของกระดูกขากรรไกร ประเภทของเครื่องมือจัดฟัน เป็นต้น หากอยากทราบระยะเวลาที่แน่นอนขึ้น สามารถพาเด็กเข้ามาเพื่อให้ทันตแพทย์ประเมินเบื้องต้นได้เลยค่ะ
การดูแลสุขภาพช่องปากระหว่างจัดฟัน
ในระหว่างที่กำลังจัดฟันผู้ปกครองจำเป็นจะต้องดูแลสุขภาพภายในช่องปากของเด็กๆ มากเป็นพิเศษ เพราะเศษอาหารจะติดกับเครื่องมือจัดฟันได้ง่าย และจะทำให้การแปรงฟันทำความสะอาดได้ยากขึ้น
- ควรเลือกใช้แปรงสีฟันสำหรับคนจัดฟันโดยเฉพาะ
- แปรงฟันอย่างถูกวิธีอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
- งดไม่ให้เด็กทานอาหารที่แข็ง เหนียว เคี้ยวยากเพราะจะทำให้เครื่องมือจัดฟันหลุด
- มาพบทันตแพทย์ตามนัดหมายทุกครั้ง
จัดฟันแล้วเด็กจะเจ็บไหม
เด็กๆ จะรู้สึกปวดและตึงจากการจัดฟันประมาณ 2-3 วันแรกเท่านั้น รวมถึงทุกครั้งที่จะต้องมีการเปลี่ยนลวดจัดฟัน แต่จะไม่ได้รู้สึกปวดมากๆ จนทนไม่ไหว เด็กๆ มักปรับตัวได้ภายในอาทิตย์เดียว หากปวดมากสามารถใช้ยาแก้ปวดตามที่ทันตแพทย์สั่งได้
ค่าใช้จ่ายในการจัดฟันสำหรับเด็ก
จัดฟันโลหะ | 40,000 |
จัดฟันดามอน | 59,000 |
จัดฟันเซรามิก | 70,000 |
จัดฟันแบบใสสำหรับเด็ก Invisalign First for children | 75,000 |
หมายเหตุ กรุณาสอบถามกับทันตแพทย์อีกครั้งเพราะทางร้านจัดโปรบ่อยมาก
ทันตแพทย์จัดฟันเด็ก คือใคร?
ทันตกรรมเด็ก (Pediatric Dentistry) คือ สาขาหนึ่งของทันตแพทยศาสตร์ที่เน้นการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กแรกเกิดจนถึงวัยรุ่น โดยทันตแพทย์เด็กจะได้รับการฝึกฝนมาเฉพาะทางในการให้บริการที่เหมาะสมกับเด็ก โดยมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันและรักษาโรคในช่องปากของเด็ก ส่งเสริมสุขภาพฟันและเหงือกที่ดี แก้ไขปัญหาการเจริญเติบโตและพัฒนาการของฟันและขากรรไกร รวมถึงให้คำแนะนำแก่ผู้ปกครองด้วย
ทันตแพทย์เด็กจะมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในการจัดการพฤติกรรมเด็ก ให้การรักษาเป็นไปอย่างราบรื่นและสร้างประสบการณ์ที่ดีในการรักษาทางทันตกรรม เพื่อให้เด็กมีรากฐานที่ดีและทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับสุขภาพในช่องปาก